Rating: | ★★★★ |
Category: | Other |
ช่วงเดือนที่ผ่านมาได้มีโอกาสลองเอ็นใหม่ๆเยอะซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นเอ็นสำหรับคนที่ชอบตีแนว spin วึ่งนั่ก็รวมไปถึง เอ็นของ Polyfibre ซึ่งถือว่าเป็น brand ใหม่ที่กำลังมาแรงมากในอเมริกา เอ็นทั้งซีรี่ย์ใช้สัตว์มีพิษทั้งหลายเป็นตัวแทนในการบอกสรรพคุณ ลองดูภาพด้านล่างก็ละกัน
ในบรรดาเอ็น poly โดยรวมผมว่า คนจะงงๆ กับตัวเลือกที่มากมายและเอ็นแต่ละตัวๆก็คล้ายๆกัน สุดท้ายก็มาเลือกที่สีซะงั้น แต่ที่ผมมองว่า"ชัดเจนจริงๆ" ก็มี 2 แบรนด์ที่น่าสนใจครับ หลังจากที่ได้แจกตัวอย่างไปให้พี่ๆน้องๆได้ลองกัน ซึ่งได้แก่
Solinco: ชัดเจนมากครับ feel & spin potential ของเอ็นไม่ว่าจะเป็น Tour Bite หรือ Barb Wire เหมาะกับผู้เล่นระดับแข่งขันแน่นอน ถ้าชอบหวดหนักๆแล้วก็เน้น spin จัดๆ Solinco เป็นตัวเลือกที่ดีครับ ในอเมริกา Solinco Tour Bite ถูกจัดอันดับโดย Racquet Sport Industry (RSI) ให้เป็นที่หนึ่งในเรื่อง Spin Generation
Weisscannon: เหมาะสำหรับผู้เล่นทั่วไป เพราะเป็นเอ็นเส้นเล็ก มีความนุ่มและ power อันเป็นเอกลัษณ์ โดยเฉพาะ Mosquito Bite ซึ่งก็มีหลายสีให้เลือก ถ้าใครอยู่ในแวดวงเอ็นมาพอสมควรจะรู้ว่า สีมีผลต่อประสิทธิภาพของเอ็น (เอ็นดีๆเลยมีแค่ไม่กี่สี) แต่เท่าที่ลองมา Weisscannon ใช้ pigment ที่มีคุณภาพสูงทำให้ประสิทธิภาพของเอ็นคงเส้นคงวาในทุกสี ตรงนี้เป็นจุดเด่นของ Weisscannon เลยก็ว่าได้ และที่สำคัญ ราคาไม่แรงเกิน :)
แล้วถ้าถามว่าเอ็น
Polyfibre จะเหมาะกับใคร ...น่าคิดครับ เท่าที่ได้ลองๆมาผมพบว่า เอ็นของ Polyfibre น่าจะเหมาะกับผู้ที่เพิ่งจะย้ายจาก gut หรือ multifilament มาสู่ poly เพื่อความทนทาน ผมจะเรียงลำดับจากความเป็น poly น้อย (multi มาก) ไป poly มาก (multi น้อย)ละกัน
Polyfibre Black Venom บน Head PT57A: "กัดเบาแต่จมเขี้ยว" เอ็นยืดตัวดี อุ้มลูกนาน ตีสบายแขนดีมาก พาวเวอร์ดี แต่ไม่ค่อยมีฟีลมากเหมือนกับเอ็น gut หรือ multifilament ส่วนเรื่อง spin ผมว่างั้นๆนะ ผมชอบ feel จากการตีแฟลตมากกว่า ถ้าใครเคยได้ลองเอ็น Boris Becker Bomber มาก่อนก็น่าจะชอบเอ็นตัวนี้ครับ Black Venom เหมาะกับการตีแฟลตเป็นอย่างยิ่งครับ ยิ่งถ้าใครชอบความนุ่มของเอ็น multifilament หรือ natural gut แล้วต้องการความทนทานมากขึ้นผมแนะนำให้เริ่มที่ตัวนี้ครับ
Polyfibre Cobra บน Head PT10: "กัดแรง" feel คล้ายๆกับ Black Venom แต่ไม่นุ่มเท่า power ดีมาก เวลาอัดหนักๆได้ยินเสียงแป๊งๆของเอ็น poly อยู่ แต่ไม่มากเวลาใส่ dampener เสียงก็หายครับ (จริงๆแนะนำให้ติด dampener เลยแหละ) ผิวเอ็นเป็นลายงู กัดบอลดีรู้สึกได้ ปั่น spin ได้ง่ายถึงแม้ว่าจะขึ้นบนไม้หน้าเล็กและเอ็นถี่ แต่ spin ก็ไม่ได้โดดเด่นเมื่อเทียบกับการการอัด flat แรงๆซึ่งจะให้ feel แน่นและมันส์มากๆ มันก็แปลกนะที่ feel แบบนี้ถึงแม้ว่ามันจะไม่ดิบเหมือนพวก multi ที่ผมเคยลองๆมา แต่มันก็กระตุ้นให้อัดหนักๆได้ตลอดการ rally ครับ ตรงนี้แหละที่ผมมองว่ามันเหมาะกับคนที่กำลังจะย้ายจาก multi มา poly เพราะ feel มันอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างเอ็นทั้งสองประเภท โดยรวม work มากโดยเฉพาะกับไม้หน้าเล็ก ผมชอบตัวนี้ครับ
Polyfibre TCS บน Wilson H22: สีสวยแสบตา ขึ้นกับไม้สีดำหรือเหลืองจะดูดีมาก feel เหมือน poly ทั่วไป ออกแข็งนิดๆ power ดีกว่าตอนที่ขึ้นเอ็นมัลติของ Volkl Powerfiber II ลองดูใน BLOG ของ TW ประกอบด้วยนะครับ
http://blog.tenniswarehouse.com/?p=692 ในยุโรปมีคนนิยมนำ TCS มา hybrid กับ Black Venom (สีมันคงดูแปลกๆนะ เหลือง-ดำ)
Polyfibre Hexablade บน Dunlop AG200 Berdych: "กัดฉีก" เอ็นยืดตัวดี แต่เมื่อยืดสุดจะกระด้าง (ผิดกับ Black Venom ที่นุ่มจนลึกสุด) power ดีมาก หน้าตัดเอ็นเป็นรูปหกเหลี่ยม สปินดีเยี่ยมเหมือนที่คิดไว้ ปั่นบอลง่ายโดยไม่ต้องออกแรงเยอะ เหมาะกับคนที่ไม่แข็งแรงเรื่อง spin แต่อยากได้ spin โดยไม่ต้องออกแรงปั่นบอลมาก แต่ถ้าสปินกันเป็นอาชีพอยู่แล้ว ไป Solinco Tour Bite เลยครับ ที่ผมบอกแบบนี้เพราะ Tour Bite มี power ไม่สูงมากเท่า Hexablade มันเลยต้องอาศัยแรงส่งจากลูกที่วิ่งมาหาตัวเรา ในขณะที่ Hexablade มันปั่นลูกที่ตีมาเบาๆโรยๆได้ดีโดยไม่ต้องออกแรงมากมายนัก ถ้าใครคิดจะลองเอ็นตัวนี้ผมว่าขึ้นไว้ต่ำๆประมาณอย่าให้เกิน 55 lbs เป็นดีครับ จริงๆผมยังรู้สึกว่ามันน่าจะ hybrid กับเอ็นอ่อนๆอีกสักตัวด้วยซ้ำไป เพราะเอ็นมันออกจะแข็งๆ
Polyfibre Viper บน Technifibre TF320 Verdasco: ผมว่าเฉยๆนะ ไม่มีอะไรโดดเด่นมาก แต่เดี๋ยวจะลอง hybrid ดูครับ เพราะเอ็นที่ดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไรมักจะ hybrid ได้ดี