Pages

Saturday, February 28, 2009

Wilson K Pro Staff 88 VS. K Six One Tour 90

Rating:★★★★
Category:Other
พอดีเพิ่งได้ทั้ง KPS88 และ K90 มาเมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เองครับ ทั้งคู่เป็น US Version ครับ น้ำหนักตัวไม้หนักได้ใจคอเทนนิสแน่นอน ผมก็ได้มีโอกาสลองตีไปประมาณ 2 ครั้งแล้ว ก็เลยมีเรื่องราวเล็กๆน้อยๆมาฝากกัน


Wilson K Pro Staff 88 - Pete Sampras

ที่มาที่ไป: ผมเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้ KPS88 เป็นที่ฮือฮากันก็น่าจะเป็นเรื่องประวัติของไม้ครับ Pro Staff ถือว่าเป็นไม้ในตำนานที่ผ่านมือแชมป์ Grand Slam มาหลายคนแล้ว ผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้ไม้ตัวนี้หลักๆก็น่าจะเป็น Pete Sampras ที่ใช้ Pro Staff 85 St.Vincent มาตลอดการเล่นอาชีพ โดยไม่มีการเปลี่ยน paintjob เลย แต่หลังจากที่ Wilson เลิกผลิต Pro Staff 85 ที่โรงงานใน St.Vincent ไป ทาง Wilson ก็ย้ายสายการผลิตไปที่จีนแต่ก็ยังคงผลิต PS85 ที่เป็น China Version ที่เบาลง แข็งขึ้น สะท้านน้อยลง หลายๆคนไม่ชอบ แต่บางคนก็ชอบเช่น Roger Federer

แฟนๆ Pete Sampras หลายคนยังคงคิดถึง PS85 St Vincent อยู่และก็ตั้งความคาดหวังว่าสักวัน Wilson จะผลิตไม้ที่มี feel ใกล้ๆกับ PS85 St Vincent อีกครั้งนึง แต่เผอิญว่าช่วง 2003-2007 เป็นยุคของ Federer ไม้ Pro Staff รุ่นหลังๆจึงถูกออกแบบมาให้ออกแนว modern ขึ้นโดยใช้ Federer เป็นตัวชูโรง แต่พอปี 2008 กระแส Federer เริ่มแผ่วลงประกอบกับ Pro Staff ร่นหลังสุด (K90) ก็ใกล้ End of Life เต็มที แถมการกลับมาสร้างกระแสของ Pete Sampras หนุนเข้าไปอีก เลยทำให้ Wilson ได้จังหวะในการคิดค้นและผลิต KPS88 ออกมาเพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าที่ชอบ ProStaff St Vincent แล้วก็เป็นการต่ออายุตำนานของ Pro Staff ไปในตัว


KPS88 First Hit: สัมผัสแรกก็รู้สึกได้ถึงความหนักของตัวไม้และ balance ที่หนักมาทางหัวไม้ที่มากกว่า Pro Staff ตัวอื่นๆ ผมได้ลองไม้ทั้ง St Vincent และ KPS88 มาแล้วก็ต้องบอกว่ามีส่วนคล้ายกันมาก Feel ยังคงความคลาสสิกอยู่ครบ เพียงแต่ KPS88 หน้าไม้ใหญ่ขึ้นนิดนึง แข็งกว่านิ่งกว่า แล้วก็ไม่สั่นสะท้านเหมือน St Vincent

Groundstroke: ถ้าเทียบกับ Pro Staff ทุกตัวที่เคยลองๆมา (St Vincent, Chicago, PS90, N90, AK90, USK90) KPS88 ให้ Flat Forehand ที่หนักหน่วงและรุนแรงที่สุดและสะท้านน้อยที่สุด แต่นั่นหมายถึงว่าต้องตีโดน sweet spot ที่มีขนาดเล็กจิ๋วเดียวนะ ในส่วน backhand นั้นเหมาะกับการตีแบบมือเดียวแล้วก็ต้องมีเวลาในการเตรียมตัวในแต่ละ shot นานกว่าไม้ตัวอื่นๆด้วย Spin หรือ การเล่นแบบเน้นข้อมือเป็นไปได้อย่างลำบากเพราะ balance มันมาทางหัวมากเกินไป ที่เหลือต้องขอบอกอย่างตรงไปตรงมาว่ายังไม่มีอะไรที่พิเศษ ถ้าเทียบกับ

- PS85 China: PS85 หัวเบากว่า ให้ความเป็นธรรมชาติในการซวิงมากกว่า feel ตอนลูกกระทบบอลก็คล้ายๆกัน stability เป็นรอง KPS88 นิดนึง
- USK90: USK90 เป็นไม้ที่เล่นง่ายที่สุดในบรรดา Pro Staff ด้วยกัน แถมยังเล่น shot ได้หลากหลายกว่า สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือการสร้าง power โดย USK90 มีความอ่อนตัวมากกว่าและหัวเบากว่า KPS88 ผมรู้สึกว่า USK90 สร้าง power จากการดีดตัวของบริเวณคอไม้แล้วส่งต่อโมเมนตัมมาที่หน้าไม้ก่อนกระทบลูก ในขณะที่ KPS88 เฟรมมีความแข็งมากกว่า การสร้าง power มาจากโมเมนตัมของหัวไม้ที่เกิดจากการกระจายน้ำหนักมาทางหัว

ผมใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับไม้ตัวนี้นานมาก บอกตรงๆว่าตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกว่าชินกับมันเลย

Wilson K Six One Tour 90 (US Spec 340g, 12pts HL) - Roger Federer
ที่มาที่ไป: K Six One Tour 90 เป็นไม้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ Roger Federer และแฟนๆ Wilson Pro Staff หลังจากที่ไม้ Pro Staff รุ่นก่อนหน้านี้ Pro Staff 90 Tour (PS90) และ nCode Six One Tour 90 (n90) ได้ตกรุ่นไปเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมามีการพูดถึงตลอดว่าทั้ง PS90 และ n90 ที่วางขายในท้องตลาดไม่ใช่ spec จริงที่ Federer ใช้อยู่โดยสังเกตจาก string pattern และความยาวของคอไม้เป็นหลัก แต่สำหรับ USK90 นี้ทาง Wilson เคลมว่าเป็น spec เดียวกับ Federer ใช้อยู่จริงๆ ไม่ได้เป็น paintjob อีกต่อไปแล้ว จริงไม่จริงนี่ไม่รู้เหมือนกัน แต่สิ่งนึงที่รู้ก็คือ USK90 ตัวนี้เป็น Pro Staff ที่เล่นง่ายที่สุดในบรรดา Pro Staff ด้วยกัน


USK90 First Impression: จุดเด่นอยู่ที่คงอยู่ที่ความที่ไม้สามารถเล่นเกมส์ได้ "หลากหลายกว่า" USK90 เป็นไม้หน้า 90 ที่ตีได้เหมือนไม้หน้า 95 หน้าไม้ของ USK90 เล็กก็จริงแต่ผมก็รู้สึกว่าตีง่ายกว่าไม้ 95 หลายๆตัวด้วยซ้ำไป

Feel & Groundstroke: Feel จะออกแนว "นิ่งเงียบ" ตามสไตล์ Wilson หลังจากทีได้เล่น AK90 มาหลายครั้งแล้ว ผมบอกได้เลยว่า USK90 แทบจะไม่แตกต่างจาก AK90 เลย อาจจะรู้สึกว่า stable ขึ้นนิดหน่อยแค่นั้นเอง ส่วน feel ตอนลูกกระทบหน้าไม้นี่เหมือนกันเป๊ะ

จุดเด่น :ถ้าเทียบกับ Pro Staff ตัวอื่นๆหรือแม้กระทั่ง Head Prestige Classic 600 ที่ผมชื่นชอบมากๆแล้วนั้น ผมคิดว่า USK90 มีโอกาสสามารถยิงลูก winner ได้สูงกว่าไม้พวกนั้น ถึงแม้ว่า USK90 เป็นไม้ control-oriented แต่มันก็มี power ที่ซ่อนอยู่มากมาย ถ้าสังเกตทั่วๆตัวไม้จะเห็นว่า cross section ตรงคอไม้เหนือกริปจะเล็กและบางกว่าไม้รุ่นอื่นเยอะ ทำให้ความยืดหยุ่นตรงคอไม้มีมากกว่าไม้ตัวอื่นๆ ถ้าหวดแบบเน้นข้อก็น่าจะสามารถรีด power และ spin ออกมาได้เยอะแน่นอน ตรงนี้แหละที่ผมบอกว่ามันทำให้ USK90 สามารถเล่นเกมส์ได้หลากหลายกว่า Power ที่ไม่เคยพบในไม้คอนโทรลตัวอื่น หรือ Spin ที่ไม่หาได้ยากบนไม้ mid-sized ทั่วๆไป แต่ USK90 กลับมีซะทั้งหมด


Balance: Balance ของไม้ทั้งสองแทบจะไม่ต่างกันเมื่อวัดแบบคร่าวๆ แต่เนื่องด้วยน้ำหนักของ KPS88 ที่มากกว่าทำให้เล่นได้ยากกว่า KPS88 เยอะมาก


บทสรุป ถ้าต้องการไม้ mid size ที่เอาไปเล่นอย่างจริงจัง และเน้นเกมส์ที่หลากหลาย ผมแนะนำ USK90 ครับ แต่เผอิญว่าตัวนี้ไม่มีขายในเมืองไทย Asian Version ก็โอเคนะ ไม่แตกต่างกันมากหรอก แล้วตอนนี้ก็ลดราคาอยู่ด้วย (30-50%) เพราะฉะนั้นรีบซะ....

ส่วน KPS88 บอกได้เลยว่ามันไม่น่าจะเหมาะกับการเอามาเล่นอย่างจริงจังหรือแข่งขัน ยิ่งเล่นคู่นี่ลืมไปได้เลย เพราะความที่น้ำหนักมันมากแล้ว balance มันก็ผิดธรรมชาติเหลือเกิน การเล่นแบบไม่มีเวลาเตรียมวงซวิงยาวๆอาจทำให้บาดเจ็บได้ แต่ถ้าใครที่อยากได้ไม้ในตำนานเก็บไว้สะสม KPS88 นี่เหมาะกับการนำมาประดับบ้านแน่นอนครับ :)

The Best of Head Radical (Oversize and Mid Plus)

Rating:★★★★★
Category:Other
The Best of Radical Oversize

Head Radical Tour OS - Bumblebee: ด้วยสีสันที่มีเอกลักษณ์ของไม้ตัวนี้ทำให้หลายๆคนลืมชื่อทางการของ Head Radical Tour แล้วจำได้แค่ชื่อเล่น Bumblebee หรือพญาผึ้ง จริงๆแล้วตัวกริปเค้าก็ทำเป็นลายผึ้งเหมือนกันนะ แต่เผอิญผมเอา overgrip มาพันทับไปซะแล้ว


ไม้ตัวนี้ผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกที่ Austria แล้วก็เป็น Radical ตัวแรกที่ Andre Agassi ใช้เมื่อตอนปี 1993 แล้วต่อมา Head Radical ก็เป็นที่นิยมขึ้นมาเรื่อยๆจนกระทั่งปัจจุบัน


Throat Detail: ตัวไม้เป็นสีเหลืองเมทัลลิกสลับดำ ซึ่งผิดกับรุ่น Agassi Limited Edition ซึ่งเป็นสีเหลืองธรรมดาสลับดำ ตัว Bumblebee ดูดีกว่าเยอะครับ


Ground Stroke: ไม้ตัวนี้มี Strung Weight ประมาณ 340 กรัมแต่ผมไม่รู้สึกว่ามันหนักมากมายอะไร เป็นไม้ที่ผมยอมรับว่าตี Groundstroke ได้ดีที่สุด เหมาะกับคนที่มี Fast Compact Swing แล้วก็ชอบตี Rising Ball ขอย้ำว่าเหมาะกับ "Fast Compact Swing" มาก เพราะผมลองซวิงแบบยาวๆแล้วมันไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ ถ้าง้างไม้สั้นๆแล้วตีแบบสบัดๆไม้ตัวนี้จะให้ power ที่ดีมากๆ ลูกวิ่งลึกไปถึงท้ายคอร์ทตลอด ทางด้าน backhand ผมว่าไม้ตัวนี้ตีได้ดีทั้งแบบสองมือแบบ flat และมือเดียวที่เน้นสปิน แต่ถ้าเป็นสองมือผมว่าจะเหมาะกว่า ในเรื่องการควบคุมทิศทางและน้ำหนักลูก Bumblebee ทำได้ดีกว่าไม้ Oversize ตัวอื่นๆครับ

Feel: ในบรรดาไม้ Oversize ผมเคยเล่นมาอันได้แก่ Prince Original Graphite, Head i.Radical, LiquidMetal Radical, FlexPoint Radical บอกได้เลยว่า Feel ที่ได้จาก Bumblebee ตัวนี้น่าประทับใจที่สุด Feel ค่อนข้างแน่นถึงแม้ว่าจะไม่แน่นปึ๊กเหมือนกับไม้ Mid+ ของ Head ในตระกูล Tour Series ด้วยกัน แต่ก็ถือว่าแน่นกว่าไม้ Oversize ตัวอื่นๆมาก ไม้ Oversize ตัวอื่นๆหน้าไม้มันจะเด้งค่อนข้างมากโดยเฉพาะ Radical รุ่นหลังๆนี่เด้งเหลือเกิน ในเรื่อง feel ผมให้ Bumblebee นี่เป็นตัวแม่ของไม้ Oversize เลยก็ว่าได้ ส่วนนึงอาจเป็นเพราะน้ำหนักที่มากกว่าไม้ OS ทั่วไปกับระบบ Trisys ของไม้ Head รุ่นเก่าๆที่ทำหน้าที่ลดแรงสั่นสะเทือนก่อนที่จะมาถึงแขนได้ดี


Head Radical Tour Original VS Head Radical Tour Agassi Limited Edition: ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทาง Head ได้ผลิตไม้รุ่นนี้ออกมาอีกครั้ง เพื่อเป็นที่ระลึกแก่การแขวนแร็กเก็ตของ Andre Agassi โดยที่ spec ทุกอย่างเหมือนกับ Bumblebee รุ่นแรกที่ Agassi ใช้เลย แถมมี Serial Number ให้ด้วยเพื่อเป็นการยืนยันว่านี่คือ Limited Edition ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าเค้าจะผลิตมาไม่เกิน 9,000 ไม้ แต่ตอนนี้ตัวเลขมันวิ่งไปถึง 14,000 กว่าๆแล้ว ผมก็มีทั้งสองตัวแหละครับ ถ้าถามว่ามันต่างกันมั๊ยก็ตอบได้เลยว่าแทบจะไม่ต่างกัน


Balance of Head Radical Tour Original VS Head Radical Tour Agassi Limited Edition: Balance ไม่แตกต่างกันมากนักระหว่างทั้งสองไม้ น้ำหนักก็พอๆกันแล้วออกจะหนักมาทางด้านกริปนิดๆ


Throat Detail of Head Radical Tour Original VS Head Radical Tour Agassi Limited Edition: ตอนนี้ตัว Agassi Limited Edition ยังพอหาได้อยู่แถมราคาถูกด้วย ถ้าใครชอบตีไม้ OS ผมขอแนะนำไม้ตัวนี้เลยครับ


The Best of Radical Mid Plus

Head Radical Tour 630 Twintube - Zebra: ผมเข้าใจว่าเจ้า Zebra ตัวนี้เป็น Head Radical ตัวที่ 2 ที่ถูกผลิตขึ้นมาในช่วงปี 1994-1995 หลังจากที่ให้กำเนิดตัว Bumblebee มาก่อน Made In Austria เหมือนกัน เพราะฉะนั้นงานเนี๊ยบแน่นอน นี่ขนาดผ่านมาหลายปีแล้วแต่สีก็ยังดูดีอยู่ ลวดลายบนไม้ดูแปลกตาดีครับ คล้ายๆกับม้าลาย ในสมัยก่อนอาจจะดูฮิปมากๆ แต่ถ้าออกมาตอนนี้ก็คงไม่น่าจะเวิร์คเท่าไหร่ น้ำหนักไม้โดยรวมผมว่าน่าจะเกิน 340-350 กรัมแน่นอน หนักมากๆถ้าเทียบกับ Head Radical รุ่นปัจจุบัน


Groundstroke: ด้วยน้ำหนักที่มากมายมหาศาล Zebra ตัวนี้ให้ groundstroke ที่ "หนักหน่วง" กว่าทุกๆ Radical ที่เคยใช้มาไม่ว่าจะเป็น Ti, Liquid Metal, FlexPoint, หรือ Microgel ลูกที่ดีดออกจากหน้าไม้มีความรุนแรงมาก ถ้าจะพูดอีกนัยนึงก็คือไม้ตัวนี้มี Plow-Thru effect ที่สูงมาก เวลาที่ลูกกระทบไม้คุณแทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย หน้าไม้นิ่งมากๆ นิ่งกว่า Pro Tour 630 ซะอีกแต่ความคล่องตัวน้อยกว่าแน่นอน Spin ได้นิดหน่อยเพราะตวัดไม่ค่อยขึ้น แต่ถ้าเป็น slice นี่ลูกพุ่งดีมากเนื่องจากน้ำหนักไม้ช่วยส่งลูกได้เยอะ Zebra ตัวนี้จะคล้ายๆกับ Bumblebee ในเรื่องของวงซวิงคือไม่ต้องซวิงยาวๆก็ได้เพาเวอร์มากมาย ในส่วนของ Backhand ผมว่าเหมาะกับคนที่เล่นสองมือเพราะว่าน้ำหนักหัวไม้มันค่อนข้างสูง ต้องออกแรงเยอะเหมือนกัน โดยสรุปไม้ตัวนี้เหมาะกับ Baseliner มากกว่า All-Court ครับ

Feel: โดยรวมผมว่าก็ Solid & Stable ดี แต่ตอนที่ไม่ใส่ dampener นี่ไม้สั่นสุดๆตามสไตล์ไม้กราไฟต์รุ่นเก่า หน้าไม้เด้งพอสมควร แต่ก็ไม่มากมายเหมือนกับรุ่น Microgel พอใส่ dampener เข้าไปปัญหาก็จบ แต่ feel ก็หายไปด้วยบางส่วนครับ เสียงลูกกระทบหน้าไม้จะออกประมาณ Wilson Pro staff ถ้าจะเทียบกับรุ่น Pro Tour ในเรื่องของ Feel อย่างเดียวแล้วคงสู้ไม่ได้แน่ๆ แต่เรื่องของ Plow-Thru นี่ได้ใจผมไปเยอะเลย


Throat Detail: Head Radical Tour 630 Twintube (Right) รายละเอียดของไม้รุ่นเก่าๆนี่สุดยอดเลยครับ


Balance: เมื่อเทียบกับ Pro Tour 630 นี่ก็ต่างกันไม่มากครับ แต่เนื่องด้วยน้ำหนักไม้ที่สูงกว่าทำให้รู้สึกว่า Zebra ค่อนข้างจะ demanding


บทสรุป: สำหรับแฟนๆ Radical ไม้ตัวนี้น่าสะสมมาก ตอนนี้ไม่มีขายแล้ว ถ้าอยากได้คงต้องพึ่ง ebay อย่างเดียวเลยครับ


Saturday, February 14, 2009

My Favorite Wilson ProStaff 85: St Vincent or China?

Rating:★★★★★
Category:Other
Wilson Pro Staff 85

วันนี้ได้มีโอกาสมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับไม้เทนนิสในตำนานอีกตระกูลนึงคือ Wilson Pro Staff 85 จริงๆแล้ว PS85 ออกมาหลาย version อยู่เหมือนกัน แต่ที่เป็นที่เล่าขานกันมานานก็คงจะหนีไม่พ้น St Vincent version ซึ่งเป็นไม้เทนนิสที่ Pete Sampras ใช้มาตลอดชีวิตอาชีพการเล่นเทนนิสและคว้า 14 Grand Slam Titles มาแล้ว กับอีกฝั่งนึงคือ China version ที่ Roger Federer ใช้มาตอนเริ่มเข้าสู่วงการเทนนิสเยาวชนจนมาถึงปี 2001 ที่สามารถเอาชนะ Pete Sampras ใน Wimbledon 2001 ได้


ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ อ.ยุทธ ที่ให้ลองเอา PS85 St Vincent มาใช้อยู่ตั้งนาน ผมก็ได้เอาไปลองมา 2-3 ครั้งแล้ว

PS85 St Vincent Appearance: หลังจากที่ได้รับไม้ตัวนี้มาต้องบอกว่า ไม้อยู่ในสภาพสวยมาก >90% ริ้วรอยน้อยเหลือเกิน ตัวไม้เป็นสีดำด้านแต่มีออกเทาๆนิดๆ St Vincent ของแท้จะต้องมีสีรองพื้นเป็นสีแดง แต่ตรงนี้ผมยังไม่ได้ลองขูดดูนะ


PS85 St Vincent Weight: ตัวไม้หนักเอาเรื่อง หนักกว่า China version อยู่เยอะเหมือนกัน ยิ่งตอนซวิงนี่รู้ได้เลย ผมรู้สึกว่าซวิงได้ช้างุ่มง่ามกว่าตัว China version เยอะมาก ยิ่งตียิ่งเหนื่อย โดยเฉพาะ backhand นี่ผมตี flat ลำบากมากๆ เพราะว่าเร่งสปีดหัวไม้ไม่ทัน ต้อง Slice เกือบตลอด แต่ยอมรับว่า slice ดีมากๆ บอลพุ่งเลียดต่ำมีน้ำหนักดีมาก ส่วนเรื่องวงซวิงสำหรับโฟร์แฮนด์นั้นผมว่า St Vincent นี่ต้องซวิงออกแนว "งัดและกระแทก" คล้ายๆกับวงซวิงของ Pete ที่จะเน้นงอศอกและยกศอกขึ้นก่อนที่ดันไม้ลงมากระแทกลูก เพราะว่าน้ำหนักไม้มันไม่เอื้ออำนวยให้ซวิงแบบตีกวาดเลย ถ้าลูกมาสูงก็ตีลำบากแน่นอน แต่ถ้าเป็น PS85 China นี่ตีได้หลากหลายกว่าครับ


PS85 St Vincent Feel: First ball contact ผมรู้สึกว่า St Vincent นี่มันอ่อน ดิบและ "สั่นมาก" คล้ายๆกับไม้กราไฟท์รุ่นเก่า สั่นจนกระทั่งต้องเอา dampener มาติดไว้ที่เอ็น มันก็ดีขึ้นมาเยอะเหมือนกัน พอไม้นิ่งก็รู้สึกได้เลยว่าไม้นี้มันแน่นมากๆ หน้าไม้ไม่มีการพลิกตอนที่อัดลูกหนักๆ ถ้าเทียบกับ China version ก็ต้องบอกว่ามันคนละอย่างกันเลย PS85 China จะนิ่งมากๆ (Muted and Dampened) โดยไม่ต้องใช้ dampener ถ้าถามผม ผมชอบ China version มากกว่านะ


White Butt Cap Detail: ตัว Wilson logo สีแดงบนพื้นขาวกับ AVQ code เป็นการยืนยันว่านี่ Made in St.Vincent แท้ๆ


PS85 China Version: โดยส่วนตัวผมคิดว่า PS85 China เป็นเหมือนกับอวัยวะส่วนนึงของร่างกายเลยก็ว่าได้ ด้วย Swing Weight และ Balance ที่ถูกออกแบบมาให้มีความสัมพันธ์กับการเหวี่ยงแขน ทำให้รู้สึกว่า PS 85 China มีความเป็นธรรมชาติในการซวิงมากกว่า St Vincent ส่วน Feel ของ China Version ก็จะออกนุ่มนวลกว่าด้วย หน้าไม้ดีดลูกออกได้รุนแรงสะใจ (heavy ball) ตอนที่ได้ PS85 China มาใหม่ๆ ตอนนั้นผมยังมีทั้ง N90 และ K90 อยู่ด้วยเลยได้มีโอกาสเปรียบเทียบกันด้วยเอ็นประเภทเดียวกัน ปรากฎว่า PS85 ดีดลูกออกได้รุนแรงที่สุดทั้ง forehand และ backhand แต่ถ้าเทียบกับ St. Vincent ผมว่ามันก็ดีดลูกได้แรงพอๆกันครับ


Side by Side Comparison: China VS. St Vincent ดูจากภายนอกรูปร้างก็ไม่มีอะไรต่างกันมาก จะมีก็แค่ตามเหลี่ยมมุมของ St Vincent จะมีความคมมากกว่า ในขณะที่ China จะออกมน


Balance: China VS. St Vincent แทบไม่ต่างกัน แต่ต้องบอกว่านี่มันไม่ใช่การวัด balance แบบมาตรฐานนะครับ แต่ถ้าเอาคร่าวๆก็พอไหวอยู่


PS85 St Vincent Detail: ดูให้เห็นความ classic กันชัดๆ ผมชอบ Paintjob ของ St Vincent นะ ทั้งสี และแบบตัวอักษร ดูมันเข้ากันไปหมด ข้อเสียมีอย่างเดียวคือคุณภาพของ Paintjob อาจจะไม่ทนทานเท่าไม้รุ่นปัจจุบัน โดยเฉพาะพวก lettering นี่เป็นสติ๊กเกอร์หมดเสี่ยงต่อการหลุดลอก


PS85 China Detail: ดูเชยกว่า St Vincent แน่นอนแต่คุณภาพของสัสันภายนอกดีกว่าแน่นอน


บทสรุป: โดยส่วนตัวแล้วผมชอบ China version มากกว่า St Vicent อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวจริงๆ แต่ถ้าถามว่าจะสะสมอันใหนดีก็ต้องเป็น St Vincent แน่นอนครับ

Sunday, February 8, 2009

Dunlop Aerogel 200 Paintjob - Tomas Berdych

Rating:★★★
Category:Other
Dunlop Aerogel 200 Pro Issue - Tomas Berdych

วันนี้ผมขอรีวิวของเล่นอันใหม่ครับ มันเป็น Dunlop Aerogel 200 (Paintjob) ซึ่งเป็นไม้อะไรก็ไม่รู้ที่ Dunlop เค้า Customize ขึ้นมาเพื่อ Tomas Berdych ผมได้ไม้ตัวนี้มาจาก eBay เมื่อประมาณก่อน Australian Open ไม่นาน ราคาไม่ต้องพูดถึง


ต้องบอกว่า Custom Paintjob ตัวนี้ดูไม่เนี๊ยบเท่า AG200 ตัวจริงที่มีขายในท้องตลาด ตัวไม้ใช้สีกึ่งมันกึ่งด้านทั้งหมด (แต่ผมชอบนะ) ในขณะที่ AG200 ตัวจริงจะเป็นสีผิวมันทั้งหมด เนื้อสีค่อนข้างบอบบาง ผมไม่กล้าเอาเล็บไปขูดขีดเล่น กลัวสีหลุดออกมา


บนตัวไม้ที่ bridge มีการพิมพ์ชื่อของ Tomas Berdych เอาไว้ แต่สิ่งที่อยากให้ดูคือขนาดของกริป L3.5 ในท้องตลาดแล้วปกติจะไม่มีเบอร์นี้ จะมีก็ไม่ 3 (4-3/8") ก็ 4 (4-1/2") ไปเลย


มาถึง Highlight แล้วครับ เจ้าของเก่าบอกว่ากริปตัวนี้เป็น Custom Grip ของ Bosworth อยากจะบอกว่ากริปของไม้ตัวนี้เนี๊ยบมากกกกกกกกก Bosworth Grip Shape จะอยู่ระหว่าง Head กับ Wilson จับถนัดมือมากๆ ส่วนกริปหนังที่เห็นก็คุณภาพดีมากๆเช่นกัน ผิวกริปหนังเนียนละเอียด การติดตั้งกริปหนังก็เนี๊ยบดีเหลี่ยมมุมยังอยู่ครบ ผมเข้าใจว่าพวกโปรนี่เค้าจะให้ความสำคัญกับกริปค่อนข้างมาก สังเกตได้ว่าค่าอุปกรณ์ทำกริปอย่างเดียวก็ $48 (Pallet Installation = 30, Leather = 13, Butt Cap = 5) เข้าไปแล้วเปรียบเทียบกับค่าทำสีซึ่งผมตีค่าประมาณไม่เกิน $10


Balance เมื่อเปรียบเทียบกับ Dunlop Aerogel 200 จะพบว่าไม้ของ Berdych จะออกแนว Even Balance


Balance เมื่อเปรียบเทียบกับ Head Pro Tour 630/280 ตอนแรกผมคิดว่าไม้ตัวนี้เป็น Paintjob ของ PT630 ที่ไหนได้ คนละเรื่องเลยทั้ง balance และ feel ต่างกันสิ้นเชิง


เมื่อวางเปรียบเทียบกับ AG200 จะพบว่า string pattern ต่างกันสิ้นเชิง ไม้ของ Berdych นี่ String Pattern ค่อนข้างจะ open มากกว่า เจ้าของเก่าบอกว่ามันเป็น mold เดียวกับ Technifibre T335 แต่ว่า graphite layup เป็นคนละอย่างกัน เท่าที่ลองเดาะลูกกับกำแพงห้องดู พบว่าไม้ตัวนี้มีคตวาม Flex มากกว่า AG200 มากๆ แล้วก็น่าจะ flex ใกล้เคียงกับ Head Pro Tour 630


Field Test: วันนี้ไปลองหวดมาแล้ว ผมขึ้นเอ็น multi ไว้หย่อนๆ 52 lbs (พัฒนาขึ้นมาแล้วนะ เมื่อก่อนนี่แค่ 50 lbs เอง) ความรู้สึกต่างจาก AG200 ในท้องตลาดมากมาย ไม่ได้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันเลย แล้วมันก็ไม่คล้าย Head Pro Tour 630 ด้วย เอาเป็นว่ามันไม่คล้ายกับไม้ตัวไหนที่ผมเคยลองมาเลย

AG200: ก้านแข็งกว่า หัวเบากว่า หน้าไม้นิ่งกว่า ลูกดีดตัวออกจากหน้าไม้เกือบจะทันที
AG200 Berdych: ก้านไม้อ่อน หัวหนัก ลูกจะถูกดูดอยู่บนหน้าไม้ก่อนจะถูกดีดตัวออกไป

Weight: ตัวไม้ Swing Weight สูงมากๆ Strung weight น่าจะประมาณ 340g Balance ไม้หนักมาทางหัว ตีแบบใช้ข้อหรือตีสปินลำบากมากๆ

Feel: การตีลูก flat ให้ความรู้สึกที่ "ดิบ" และ "ซาบซ่าน"กว่า AG200 มาก ตัวเฟรมส่งฟีลลิ่งมาสู่แขนได้ดี ลูกดีดพุ่งหนักหน่วงไส้ทะลัก (heavy ball) ก้านไม้มีความ flex มากคล้ายๆกับไม้กราไฟท์รุ่นโบราณ เวลาง้างแล้วหวดเต็มๆรู้สึกเหมือนกับดีดลูกหินออกจากหนังสติ๊กยิงนก เวลาลูกกระทบหน้าไม้มันก็สั่นอยู่เหมือนกันผมต้องติด dampener ไว้ตลอด (ยิ่งเพิ่ม swing weight ให้หนักไปกันใหญ่)

Ground stroke: อย่างที่บอก...ซวิงลำบากลำบนเพราะ swingweight มันเยอะมากกว่าไม้ที่ผมเคยใช้ๆมา ผิดกับ AG200 ทั่วๆไปที่ซวิงได้ง่ายทั้งสองด้าน เวลาซวิงไม้ Berdych เหมือนมีคนมารั้งแขนไว้ตลอด (ไม่รู้ว่าเจ้าของเก่าได้ลงอาคมไว้หรือกำลังเล่นของอยู่หรือเปล่า) Backhand มือเดียวนี่ตวัดไม่ค่อยขึ้นเลย โดน off-center บ่อยมากเพราะ balance ของไม้มันไม่เอื้ออำนวยสอดคล้องกับ timing ของวงซวิงผมเลย แต่ถ้าเป็น 2 มือนี่ดีเลย ลูกออก flat พุ่งดีมาก แต่สรุปแล้วคือ ต้องฟิตมากๆครับถึงจะใช้ไม้ตัวนี้ได้

บทสรุป: สิ่งที่บอกได้ตอนนี้คือ ไม้ Berdych ถูกออกแบบมาสำหรับเจ้าตัวจริงๆครับ มันใช้อัด heavy ball ได้ดีถ้าร่างกายฟิตพอ ถ้า Dunlop ทำไม้รุ่นนี้ออกมาขาย ผมว่าน่าจะขายลำบากนะ...เพราะมัน Demanding เหลือเกิน ณ.นาทีนี้ผมเลือก AG200 รุ่นชาวบ้านดีกว่า ตีง่ายกว่าเยอะเลยถึงแม้ว่าจะไม่ได้ heavy ball เท่ากับไม้ของ Berdych ครับ