Pages

Sunday, January 30, 2011

Weisscannon MatchPower โดย Thai Tennis Users

Rating:★★★★
Category:Other
รีวิวอันนี้เป็นของน้องชายวัยฉกรรจ์ท่านนึงที่พัฒนาเกมส์ของตัวเองได้เร็วมาก

Weisscannon MatchPower เป็น Poly ที่ดีมากครับ ผมใช้มันโดยไม่ได้ใส่กันสะเทือน ผลก็คือไม่มีแรงสั่นหรือความกระด้างเลยครับ เกาะบอลดีมากครับ ถ้าดึดสปินเร็วๆบอลจะมุดหลังเน็ตตลอด ถ้าตี Flat บอลก็จะพุ่ง แต่ลงพื้นแล้วจะไม่ค่อยเด้งขึ้นมามาก ผมชอบ Poly ผิวเรียบ มากกว่าพวก เหลี่ยม หรือ เหลี่ยม + เกลียว เพราะ Feel มันดีกว่ามากครับ ถ้านึกภาพถึงคนที่ใช้พวก Babolat Pure drive GT , babolat Aero pro drive gt , YT Radical Mp , K blade tour , YT Prestige MP แล้วตีแบบเน้นข้อมือ ผมว่าบอลจะ Spin ที่รุนแรงมากแน่ๆครับ Weisscannon MatchPower ทำให้ผมนึกถึง Boris Becker Bomber แต่ Power ความนุ่ม ของ Weiss cannon MatchPower ดีกว่ามาก




ส่วน Feedback อันนี้เป็นของผมเอง ผมขึ้นเอ็นตัวนี้บนไม้ pro stock ของ Jurgen Melzer ซึ่งเนื้อในคือ Dunlop Revelation 95 Tour ซึ่งได้ชื่อว่าแข็งนรก power น้อยเอ็น Weisscannon MatchPower เป็นเอ็นเส้นกลมผิวลื่น ถูกออกแบบขึ้นมาสำหรับ "hard hitter เท่านั้น" จะเอามาตีเล่นๆนี่...ผมว่าดูตัวอื่นดีกว่าครับ This is not a toy!

Power: น้อยมาก ต้องใส่กันเต็มที่ แต่ข้อดีคือเอ็นเวลาอัดแรงๆแล้ว stringbed นิ่งมากๆ หน้าไม้ไม่สะบัด ด้วยความที่มัน power น้อยทำให้ลูกไม่ค่อยหลุดออกทั้ง groundstroke และ volley เอ็นผิวลื่นทำให้เอ็นสามารถเคลื่อนตัวไปมาได้สะดวก ไม่ต้องจัดเอ็น

Spin: เหมาะกับ spin รอบสูงเนื่องจากเอ็นไม่มีเหลี่ยมคมมาเสริมช่วยสปินรอบต่ำ แต่ข้อดีของเอ็นตัวนี้คือผิวมันลื่น ซึ่งจะช่วยให้เอ็นดีดตัวกลับได้เร็วเมื่อตอนยืดออกจะช่วยในเรื่องการปั่นบอล

Feel: นุ่มนอก แข็งใน นิ่งเงียบ คล้ายๆกับ Kirschbaum Pro Line II ไม่มีอาการแป๊งๆแต่อย่างใด เอ็นอุ้มลูกดี บอลที่ออกจากหน้าไม้ไปมีความหนักหน่วงดีใช้ได้

ผมว่าเอ็นตัวนี้สามารถใช้กับไม้ได้หลายประเภทโดยเฉพาะไม้กึ่ง power อย่าง Babolat Pure Drive และ AeroPro Drive ครับ นอกจากนี้ผมยังขึ้นเอ็นตัวนี้เป็น hybrid กับเอ็นมัลติด้วย ปรากฎว่า feel ไม่ค่อยได้ ปล่อยให้เป็นแบบ fulljob ดีกว่าครับ ใครที่ได้ลองเอ็นตัวนี้แล้ว แวะเข้ามา feedback กันด้วยนะครับ



มีอีก feedback นึงครับ

User Profile: ใช้ไม้ head extreme team เป็นไม้ Power มากสักหน่อย ขึ้นเอ็นที่ความตึงเส้นตั้ง 59 เส้นนอน 57 ปอนด์

ผลของการทดลอง ในเรื่องสปีดบอลเล็กน่อย วันแรกผมนำไม้ไปขึ้นเอ็นสัก 3 โมงเย็น 5 โมงเย็น นำมาเล่นทันที วันแรกเล่นไป 2 เซต มีความรู้สึกว่าเอ็นกระด่างเล็กน้อยและไม่ค่อยเกาะบอลควบคุมบอลไม่ค่อยได้ ทั้งเพาเวอร์มากไปหน่อยหลุดท้ายคอร์ดบ่อย แต่เมื่อเล่นจนเอ็นเข้าที่ต่อมาเป็นวันที่ 2 และวันที่ 3 อาการควบคุมบอลไม่ค่อยได้และเพาเวอร์จะลดลงเรื่อยๆและความกระด้างก็ไม่มี นับว่าเป็นเอ็นที่ดีให้ความรู้สึกคล้ายๆกับTopspin Cyber Flash ที่ผมใช้อยู่ แต่ยังเป็นรอง Cyber Flash ในเรื่องสปีดบอลเล็กน่อย ตามความรู้สึกของผม Cyber Flash เวลายึงแรงๆสปีดบอลจะเร็วกว่าเล็กน้อยครับ

Weisscannon Black5Edge Power โดย Thai Tennis users

Rating:★★★★
Category:Other
วันนี้มีผลทดสอบของ Weisscannon Black5Edge Power มาฝากกันครับ Black5Edge เป็นเอ็นโพลี-ห้าเหลี่ยม-เกลียว-สีดำตัวใหม่ของ Weisscannon ที่ถูกสร้างขึ้นมาบน base ของเอ็นเกรดสูงอย่าง Weisscannon Silverstring ซึ่งถือว่ามีความนุ่มเมื่อเทียบกับเอ็น Luxilon ALU Power ที่ทาง Weisscannon อ้างว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกัน (hard hitter string) การทดสอบเอ็นทำโดย user หลายๆคนใน Thai Tennis ต้องขอขอบคุณทุกๆท่านด้วยครับ




User 1 Profile: ผมเอง ทดสอบเอ็นตัวนี้สามวาระในสองที่ - บางกรวย กับ สนามเป้า

ครั้งที่ 1: ขึ้น full job ที่ 50 lbs - ทั้งบางกรวยและสนามเป้าเห็นตรงกันว่า แข็งมาก เอ็นไม่ค่อยยืดตัว และทันทีที่ลูกสัมผัสหน้าไม้ ลูกเด้งออกทันที เอ็นไม่อุ้มลูกเหมือนกับ soft poly ตัวอื่นๆ ทำให้รู้สึกว่ามันไม่ค่อยหนักแน่น


ครั้งที่ 2: ขึ้น hybrid โดยเอา Black5Edge Power ตั้งที่ 50 lbs และ Polyfibre TP Select (soft synthetic) นอนที่ 50 lbs เช่นกัน คราวนี้ตีง่ายขึ้นเยอะ รู้สึกถึงความนุ่มขึ้นมาบ้าง เปลี่ยนจาก stiff เป็น firm แทน เอ็นล็อกตัวกันดี เสียงแป๊งๆลดลงไปเยอะ Power & Spin ดีใช้ได้ feel โดยรวมถือว่าแน่นกว่าการขึ้นแบบ full job

ครั้งที่ 3: ขึ้นบน DONNAY X-Black 99 แบบเต็มหน้าซี่งเป็นไม้แกนตันที่ 55 ปอนด์ ...แปลกมาก! ผมไม่พบปัญหาเหมือนสองครั้งแรกเลย เอ็นให้ feel ที่ firm กว่าครั้งที่ 2 อีก และ power ดีมากๆ spin ยังดีเหมือนเดิม เป็นไปได้ว่าเอ็นแข็งๆน่าจะเหมาะกับไม้แกนตันมากกว่าไม้กลวงๆ โดยเฉพาะเวลาตี flat ball


User 2 Profile
ไม้เทนนิส: Babolat Aero Pro Drive GT
เคยใช้เอ็น Barbwire ,RPM , Hurricane tour

หลักจากที่ได้รับเอ็นมาแล้ว Pack อยู่ในซองใสเป็นอย่างดี ดูจากลักษณะภายนอกแล้ว เอ็นมีสีดำเข้มสวยมาก เมื่อนำมาขึ้นกับไม้เทนนิส เอ็นมีอยู่ 5 เหลี่ยมและยังมีลักษณะบิดเกลียวบวกเข้าไปอีกนิดหน่อย ทำให้ความรู้สึกถึงการรีดพลัง spin ออกมาได้เป็นอย่างดี (เหลี่ยมอาจจะไม่มากเท่า Barb Wire แต่ก็มากกว่า RPM อย่างชัดเจน) และลองใช้มือลูบเอ็นบนหน้าไม้ดู เอ็นจะไม่นุ่มลื่นเหมือน RPM แต่เอ็นก็ไม่ได้สากมากมือมากเหมือน Barb Wire ผมให้อยู่กลางๆ

ที่นี้ลองจับมาตีจริงบ้างล่ะ... Feel แรกที่ลูกได้ระทบลงบนหน้าไม้ ทำให้มั่นใจเลยว่าเอ็นตัวนี้อยู่ในจำพวกเดียวกับเอ็น Barb Wire และ Volkl Cyclone อย่างไม่ต้องสงสัย เหมาะกับคนที่มีแรงตีอย่างเหลือเฟือ หรือพวกที่ชอบตี Spin จัดๆ รับรองได้เหงื่อแน่นอนครับ ส่วนคนทั่วไปก็สามารถตีได้เช่นกัน แต่ผมแนะนำว่าควรขึ้นต่ำกว่าเอ็นทั่วไปสัก 2-3 ปอนด์ เพราะเพาเวอร์ของเอ็นน้อยไปหน่อย และเนื้อเอ็นมีลักษะแข็ง

เริ่มแรกจับไม้เทนนิสมาน๊อค.. รู้สึกว่า Feel มันคล้ายๆ Barb Wire นะ การควบคุมบอล การสปินทำได้ดีมากความแม่นยำในการตีลูกทำได้อย่างที่คิดไว้ การสไลด์บอลก็ทำได้ดีเช่นกัน ลูกเกาะบอล ดึงบอลได้ดี ต่อมาผมทำการทดสอบการเสริฟ เปอร์เซ็นต์การเสริฟผมทำได้ดีขึ้นจากที่ใช้เอ็นเดิม (RPM) ลูกลงเส้นและการวางลูกเสริฟทำได้ดีมาก แต่ผมก็รู้สึกว่าผมเสียเพาเวอร์ในการเสริฟลดลงไปจากเดิมมากเช่นกัน ประมาณ 10-20%

โดยรวม….ใครที่ชอบตีเทนนิสแนว Spin เอ็นแข็งๆ ตีแล้วเสียงดังมั่นใจ เวลาตีเอ็นแทบจะไม่ขยับตัว เอ็นตัวนี้สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะถ้าตีท้ายคอร์ดและจับกริป Extreme Western แล้วตีปั่นสปินไปแบบหนักๆ และถ้าให้เทียบพลังในการ Spin ผมให้ Barb Wire เหนือกว่าอยู่นิดหน่อย แต่ถ้าเป็นเอ็น RPM ก็จะออกแนวนุ่มและเพาเวอร์มากเกินไป

User 3 Profile: อายุ 19 ใช้ไม้ Yonex RDS 001 MP ประสบการณ์ตีเเต่เอ็น polyมา 3ปีครับ ผมเคยสั่งเอ็นตัวนี้จากทาง Sport nova เเล้วครับ ตามกระทู้ก่อนๆที่พี่เเซมเคยเเนะนำผมมาเมื่อก่อน ผมขึ้นเอ็นเเบบ4 ปมครับ เส้นตั้ง 58 เส้น นอน 57 จับgrip เเบบ West ครับ

วิจารณ์ : สัมพัสเเรกที่ขึ้นมาเเล้วไปตีครับ รับรู้ได้เลยว่าเเกะบอลดีมาก เเต่เเข็งกว่า Tornado ครับ เเต่ถ้าเรื่องสปินผมว่า Black5Edge Power ทำได้ดีกว่าครับ feel ผมว่า Tornado ตีเเล้วรู้สึกสบายมากกว่าความทนทาน Tornado ผมตีไปประมาน 6-7 เดือนอาทิตย์ละ 2-3วันถึงจะขาด เเต่ Black5Edge Power ใช้เวลา 3 อาทิตย์ถึงจะขาด

**โดยส่วนตัวเเล้วผมใช้ Signum มาตลอดครับ

สรุปโดยประมาน

Power: Signum pro Tornado > Weisscannon Black5Edge Power
Comfort: Signum pro Tornado > Weisscannon Black5Edge Power
Feel (คม ไป นุ่ม) : Weisscannon Black5Edge Power > Signum pro Tornado
Durability: Signum pro Tornado > Weisscannon Black5Edge Power

Monday, January 10, 2011

เอ็นโพลี Weisscannon Mosquito Bite, Scorpion และเปรียบเทียบ Weisscannon Explosiv! กับเอ็นมัลติตัวอื่นๆ

Rating:★★★★
Category:Other
Weisscannon Mosquito Bite: เป็น soft poly ที่มีขนาดเส้นเล็กที่สุด guage 18 เนื้อเอ็นเป็นผิวเรียบแต่ "กัดบอล" ดีมาก power สูงแต่ control ได้ และให้ feel ที่นุ่มนวลแม้จะอัดแรงๆ ผมขึ้นเอ็นตัวนี้กับ Head Pro Tour 630 ซึ่งเป็นไม้ graphite รุ่นเก่าผลปรากฎออกมาดีเกินคาด feel "นุ่มแน่น" ไม่รู้สึกก๊องแก๊งหรือมีเสียง ping แต่อย่างใด ถึงแม้ว่าจะขึ้นบนไม้ที่มีเอ็นแบบ 18x20 แต่ Mosquito Bite ก็ให้ spin ที่ดีพอสมควร ตอนแรกคิดว่าไม้ graphite เก่าๆจะเหมาะกับเอ็น natural gut, multifilament และ synthetic gut เท่านั้น ถ้าใครที่กำลังจะย้ายจากเอ็น multi หรือ synthetic gut มาสู poly ผมแนะนำตัวนี้เลยครับ






Weisscannon Scorpion: มีคุณสมบัติที่คล้ายๆกับ Weisscannon Mosquito Bite คือ power และ spin ดี แต่ให้ feel ที่ firm กว่า เหมาะกับพวกที่ชอบอัด flat แรงๆเพราะให้ feel ที่ solid ดีมาก ผมขึ้นเอ็นตัวนี้บน Head Radical Tour Agassi ซึ่งเป็นไม้ Oversize ที่มี string pattern 18x19 ก็ถือว่าใช้ได้ power ของเอ็นช่วยให้ไม่ต้องลากซวิงกันยาวๆ แต่ feel ออกจะแข็งนิดๆ แต่ถ้าใครเป็นคอ hybrid ผมแนะนำให้ขึ้น Weisscannon Scorpion เป็นเส้นตั้งและใช้ Weisscannon Explosiv! เป็นตัวนอนจะให้ feel ที่ "นุ่มคม" ดีมากๆ และเอ็นล็อกตัวกันดีเยี่ยม ถ้าใครใช้ไม้ที่มี string patter 16x19 และรู้สึกว่าไม้ขาด feel ผมแนะนำ hybrid ของ scorpion+explosiv! ครับ







Weisscannon Explosiv!: เป็นเอ็น mulitifilament ที่นุ่มนวลมากที่สุดเท่าที่เคยลองมาครับ เหมาะกับคนที่มีปัญหาปวดแขนหรือข้อศอก เอ็นอุ้มลูกดีพอสมควร power ดี ครับ ข้อเสียคือเอ็นเคลื่อนมากมาย เหมาะกับการนำมา hybrid มากกว่า แต่ถ้าไม่ชอบอะไรที่นุ่มเกินไปผมแนะนำ Solinco Vanquish ซึ่งจะให้ feel ที่ firm ขึ้นมานิดนึงครับ แต่ถ้าอยากได้ที่ feel ที่ firm และคม สุดๆ ต้องรอเอ็นตัวใหม่ (XN16) ที่พวกผมกำลังทดสอบกันอยู่ครับ






เมื่อเร็วๆนี้ผมเพิ่งทดสอบเอ็น multi ทั้งสามตัวบนไม้ประเภทเดียวกัน มีผลแบบคร่าวๆดังนี้

Power: Weisscannon Explosiv! > Solinco Vanquish > เอ็นทดสอบ XN16
Comfort: Weisscanon Explosiv! > Solinco Vanquish > เอ็นทดสอบ XN16
Feel (คม ไป นุ่ม) : เอ็นทดสอบ XN16 > Solinco Vanquish > Weisscannon Explosiv!
Durability: เอ็นทดสอบ XN16 > Solinco Vanquish > Weisscannon Explosiv!

Solinco Vanquish และ เอ็นทดสอบ XN16 บน Head PT10 Pro Stock



เอ็นทดสอบ XN16: ดูผลทดสอบได่จากที่นี่ครับ http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=thaitennis&topic=13682


ความหมายของ Feel และความแตกต่างของตัวกันสะเทือน (Vibration Dampener) ประเภทต่างๆ

Rating:★★★★
Category:Other
Feel: หลายๆคนมีคำถามว่า Feel ของอุปกรณ์เทนนิสต่างๆ มีความหมายอย่างไร ผมทำสรุปจากประสปการณ์มาให้ดังนี้ครับ

นุ่ม (soft) = ความรู้สึกที่เอ็นสัมผัสลูกบอลแล้วรู้สึกถึงแรงปะทะที่ลดลงเนื่องมาจากหน้าเอ็น (stringbed) ยุบตัวเพื่ออุ้มลูกนานขึ้น เอาง่ายๆลองนึกภาพที่เราเอามือชกลงไปที่หมอน หมอนจะยุบตัวเพื่ออุ้มมือเราไว้ ความนุ่มส่วนใหญ่มาจากเอ็นครับ

แน่น (solid) = ความรู้สึกที่หน้าเอ็นสัมผัสบอลอย่างเต็มที่ตอนตีบอล โดยที่หน้าไม้ไม่พลิกหรือสั่นกระพือเนื่องจากมวลของไม้ช่วยต้านไว้ และให้เสียงที่หนักแน่น ไม้เฟรมบาง (<20mm) ที่หน้า 90-98 เอ็น 18x20 ที่หนักมากกว่า 300g จะให้ solid feel ที่ชัดเจน เนื่องจากชั้นของวัสดุที่หนากว่า

กลวง (hollow) = ความรู้สึกที่มาจากการตีไม้ที่มีข้างในมีความกลวงส่วนใหญ่มาจากไม้ที่มีขนาดเฟรมหนา (>20mm) น้ำหนักเบา (<300g) มีชั้นวัสดุที่บาง และ string patter แบบเปิด (16x18 หรือ 16x19) เมื่อตีลูกเสียงจะดังแป๊งๆ เหมือนเคาะกระป๋องเปล่า ไม่แน่นเหมือนไม้ solid และบางครั้งหน้าไม้มีการสะบัดมากกว่าไม้ solid เนื่องมาจากการตี off-center ทำให้ควบคุมทิศทางลูกลำบาก

นอกจากนี้ก็จะมีความรู้สึก "อ่อน" หรือ flexible ซึ่งตรงข้ามกับ "แข็ง" หรือ stiff ซึ่งเป็นการอธิบายถึงความยืดหยุ่นของก้านไม้ ไม้ที่อ่อนคือไม้ที่ stiffness ต่ำกว่า 63RA ในขณะที่ไม้มี่มี stiffness มากกว่า 63RA จะรู้สึกได้ถึงความแข็ง โดยทั่วๆไปไม้ที่แข็งกว่าจะให้ power ที่สูงกกว่า แต่มันก็จะส่งผ่านแรงสะท้านมาที่แขนสูงกว่า โอกาสเกิด Tennis Elbow ก็เยอะตามไปด้วย ถ้าถามว่าแล้วไม้ที่ดีควรเป็นอย่างไร คำตอบคือมันขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน ถ้าเป็นผม ผมตี flat เป็นหลัก แรงปะทะจากลูกมากกว่าการตีสปิน และต้องการไม้ที่ feel the ball ดีเหมือนกับจับลูกขว้างเอง เพราะฉะนั้นผมจะเลือกไม้ที่มีโครงสร้างคล้ายๆกับแขนของตัวเอง คือ flexible, soft, solid เพื่อจะให้รู้สึกว่าแขนและแร็กเก็ตเป็นท่อนเดียวกัน สามารถกะน้ำหนักลูกได้ดี และใช้ความแน่นและอ่อนของแร็กเก็ตมาลดแรงปะทะจากการตีบอล แต่ถ้าเป็นคนที่ตีสปินเป็นหลัก แรงปะทะลูกจะน้อยกว่า feel อาจจะไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ น้ำหนักไม้ที่เบา หัวเร็ว ปั่นลูกได้ดี และ power สูง คือตีเฉี่ยวๆก็ไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็จะได้ไม้อีกแบบนึงครับ

Dampener: แต่ใหนแต่ไรมาผมเล่นเทนนิสไม่เคยใช้ตัวกันสะเทือน (Vibration Dampener) มาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนใช้แต่เอ็น multifilament กับไม้ classic ที่วัสดุกราไฟต์ยุคเก่าจะทำหน้าที่เป็น dampener ไปในตัว แต่พอมาหลังๆนี่เอ็น Poly เริ่มเข้ามาในชีวิตมากขึ้น ผมก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะรับแรงสั่นสะเทือนจากการใช้เอ็นเหล่านี้ เลยหันมาใช้ตัวกันสะเทือนมากขึ้น หลังจากที่ได้ลองตัวกันสะเทือนมาหลายตัวหลายแบบ ผมมีข้อสรุปที่พอจะแชร์ได้ประมาณนี้ครับ



Wilson (แถวบน): ทำจากยางแบบอ่อนเหมือนยางลบ พวกนี้จะลด shock ไปประมาณครึ่งนึงทำให้ยังเหลือ feel อยู่บ้างพวก ใครชอบ feel เดิมๆของไม้กับเอ็นแต่ต้องการลด shock และเสียง ping บางส่วนลงไปก็ใช้ตัวนี้ครับ

Tourna (o-ring), Donnay, Babolat Aero (แถวกลาง): ทำจากยางอ่อนเช่นกันแต่เจาะรูตรงกลาง พวกนี้จะลด shock และเสียง ping ไปเกือบทั้งหมด ถ้าใครชอบ feel แบบเงียบๆ classic ก็ตัวนี้เลยครับ

Head Djokovic (สีส้มแถวล่างทั้งซ้ายและขวา): ตัวนี้จะคล้ายๆกับของ Wilson ซึ่ง Head ทำขึ้นมาให้ Djokovic ใช้โดยเฉพาะ เดิม Novak Djokovic ใช้ของ Wilson หน้ายิ้ม

Head Logo (ตัวสีดำด้านล่าง): มาพร้อมกับไม้ของ Head ทำจากยางชนิดแข็ง ช่วยลด shock ได้น้อยที่สุด

หนังสติ๊ก (Rubber band): อันนี้จะให้ feel เกือบเป็นศูนย์เหมือน Tourna, Donnay และ Babolat Aero

นอกจากเรื่องของ feel แล้วอย่าลืมว่าการติดตัวกันสะเทือนลงไปบนหน้าไม้จะทำให้ balance เปลี่ยนไปด้วยนะครับ เพราะฉะนั้นอาจจะต้องถ่วงตะกั่ที่ด้ามไม้เพิ่มขึ้นด้วย

Hybrid String: Solinco Tour Bite กับ Solinco Vanquish

Rating:★★★★★
Category:Other
Solinco Tour Bite กับ Solinco Vanquish บน DONNAY X-Black 94 และ X-Blue 94 ขึ้นที่ความตึง 52 lbs stringbed โดยรวมเมื่อเอามือลูบๆยังรู้สึกได้ถึงความคมของ Solinco Tour Bite ถึงแม้ว่าจะเป็น hybrid กับ เอ็น multi นุ่มๆของ Solinco Vanquish ซึ่งมีเนื้อเอ็นคล้ายๆ Wilson NXT และ Volkl Powerfiber II หลังจากผ่านการทดลองมาเกือบสองเดือน มีผลดังนี้ครับ



Feel: แน่น นุ่ม และ นิ่งมากๆ เอ็นล็อคตัวกันดีมากๆเหมือนเป็นชิ้นเดียวกัน ไม่พบอาการสะท้าน หรือเสียง ping แต่อย่างใด จะว่าไปแล้วมันก็คล้ายๆกับ Gut + Alu Power Rough อยู่เหมือนกัน แต่รู้สึกว่าชุดนี้ลูกเกาะหน้าไม้ดีกว่าถึงแม้ว่า string pattern จะเป็น 18x20 ก็ตาม เอ็นดูดและอุ้มบอลได้นานเหมือนขึ้น multi แบบเต็มหน้าทำให้ช่วยเรื่อง control ได้ดี

Power: ดีใช้ได้ ทั้ง flat และ spin อัดแรงๆก็ยัง control ได้เยี่ยม ถ้าใครเป็นพวก baseliner น่าจะชอบ

Spin และ Slice: ทั้ง X-Blue 94 และ X-Black 94 มี 18x20 string pattern แต่พบว่า hybrid คู่นี้กัดบอลได้ดีครับ เป็นจุดเด่นของ hybrid ชุดนี้เลยก็ว่าได้ สังเกตที่ขนบอลที่ติดบนเอ็น และรอยถลอกของหมึกบนเส้นนอนซึ่งเกิดจากการเคลื่อนตัวของเส้นตั้ง การปั่น spin ลูกที่ลอยต่ำในโซนเสิร์ฟ work มากๆ ผมขึ้น hybrid ชุดนี้กับ Head Speed Pro ด้วยเหมือนกันซึ่งเป็นไม้ 16x19 พบว่าให้ spin และ power จาก baseline ได้ดีเช่นกัน ในส่วนของ slice ก็ทำได้ดีมากไม่ว่าจะโดนอัดมาแรงแค่ใหน เนื่องจากหน้าเอ็นไม่เด้งและอุ้มลูกดี ทำให้ลูกไม่เหิน slice เปลี่ยนสปีดบอลได้ผลดีมากๆ

ความทนทาน: หลังจากใช้มาเกือบสองเดือน ยังไม่พบว่าเส้นนอนเกิดขรุยขึ้นมา ความคมของ Tour Bite ยังคงอยู่ ถึงแม้ว่าเอ็นมีการเคลื่อนตัวระหว่างการตี แต่มันก็เคลื่อนกลับมาเองที่เดิมในที่สุด ไม่ต้องจัดเอ็น แต่สิ้่งที่ผมรู้สึกได้คือเอ็นเริ่มตายแล้วโดยเฉพาะบนตัว X-Black ที่ power ลดลงหลังจากผ่านการทดสอบมาหลายมือ (รวมทั้งผู้เล่นทีมชาติด้วย)

บทสรุป: hybrid ของ Solinco Tour Bite กับ Solinco Vanquish ชัดเจนมาก มันเหมาะกับคนที่ชอบอัด flat หรือ spin แรงๆจากท้ายคอร์ท (power baseliner) แต่ไม่อยากเสีย control และคนที่ต้องการความหลากหลายในเกมโดยเฉพาะการ slice เพื่อลดสปีดบอล และปั่นสปินจากลูกที่ลอยต่ำ

Monday, January 3, 2011

Racquet Customization: ปรับแต่ง Wilson BLX Six One Tour 90 Asian spec ให้เป็น US spec ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ

Rating:★★★★
Category:Other
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามี user ท่านนึงเมลมาถามเกี่ยวกับวิธีการปรับแต่งไม้ใหม่ซึ่งมีน้ำหนักน้อยกว่าเดิมแต่อยากให้มี balance และ swingweight เหมือนไม้เดิม และ stable เพิ่มขึ้นอีกนิดนึง ผมเห็นว่าหลายๆคนก็คงจะเจอปัญหาเดียวกันก็เลยได้โอกาสเอามาเล่าสู่กันฟังครับ ในกรณีนี้ขอยกตัวอย่าง classic ของไม้ Wilson BLX Six One Tour 90 (BLX90) ละกัน เป็นที่รู้กันดีว่า BLX90 มีสอง spec คือ Asian และ US ในเมืองไทยจะมีแค่ Asian spec เท่านั้น ถ้าอยากได้ US ต้องสั่งจากอเมริกาเท่านั้น แต่ถ้าใครอยากลองวิชาก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

1. ไปที่เว็บ Tennis Warehouse จะมี section ที่เป็น TW University ซึ่งรวบรวมความรู้ต่างๆเกี่ยวอุปกรณ์เทนนิส หลายๆคนอาจจะเคยลองเข้ามาดู แล้วก็งงไปตามๆกันเพราะศัพท์เทคนิคมันเยอะเหลือเกิน ไม่เป็นไรครับ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ผมก็รู้ไม่หมดเหมือนกัน เมื่อมาถึงหน้า Learning Center http://www.tennis-warehouse.com/LC/ ก็ให้เลือก "Automated Racquet Customization"


2. แล้วก็จะมันก็จะลิ๊งค์ไปหน้า http://twu.tennis-warehouse.com/learning_center/customization.php ใส่ตัวเลข spec ของไม้เดิม (What I Have) กับ spec ไม้ที่เราอยากได้ (What I Want) ดังนี้
Length: 69
Weight: ก่อน = 319 หลัง = 339
Balance: ก่อน = 31.5 หลัง = 30.5
Swingweight: ก่อน = 322 หลัง = 333 (ถ้าไม่รู้ ไม่ใส่ก็ได้)


ส่วนยากที่สุดคือเราจะหา spec ได้จากที่ใหน จริงๆแล้วผมอยากให้วัดค่าจริงจากไม้จริงที่ขึ้นเอ็นแล้ว (strung spec) ครับ แต่ถ้ามันลำบากมาก ก็ไปค้นหา unstrung spec จาก website ต่างๆก็ได้ ในที่นี้ผมหาจากเว็บ Wilson Japan ซึ่งมี spec แต่ไม่มีค่า swingweight ให้ในขณะที่ Tennismall.cn มีตัวเลขครบแต่ balance ผิด (เป็นไปไม่ได้ที่ Asian กับ US จะมี balance = 9pts HL เหมือนกัน)

BLX90 Asian Spec จาก Wilson Japan


BLX90 US Spec จาก Wilson Japan


BLX90 Asian Spec จาก Tennis Mall


BLX90 US Spec จาก Tennis Mall


3. หลังจากได้ตัวเลขครบแล้วก็กด "CUSTOMIZE MY RACQUET" ได้เลย แล้วก็จะเห็นผลดังนี้ครับ เราก็พอจะได้ไอเดียว่าจะต้องถ่วงตะกั่วเพิ่มกระจากลงตรงส่วนใหนของไม้บ้าง คร่าวๆก็
- ที่ butt cap = 15 กรัม
- ที่ 3 และ 9 นาฬิการวมกัน = 5 กรัม


4. ถ่วงตะกั่ว 5 กรัมบริเวณ 3/9 นาฬิกาสามารถทำได้โดยใช้แถบตะกั่วแบบกว้าง 1/4" ยาว 5" จำนวน 4 ชิ้น แปะที่ด้านในของไม้ตรงตำแหน่ง 3/9 นาฬิกา (ขอใช้ภาพตอนทำ Head LM Radical ละกัน)


5. ถ่วงตะกั่วและอัด silicone 15 กรัมที่ท้ายด้าม
5.1 รื้อกริปและฝาปิดท้ายด้ามออก ถ้าพบโฟมด้านในก็ให้รื้อโฟมออกจะเห็นด้ามไม้มีสองรู



5.2 เตรียมตะกั่ว 10 กรัมและกะว่าให้ silicone อัดเข้าไปประมาณ 5 กรัม


5.3 อัด silicone 5 กรัมนำเข้าไปก่อน รูละ 2.5 กรัม วิธีกะน้ำหนัก silicone สามารถทำได้โดยกด silicone ลงบนตาชั่งจนกว่าจะได้ 5 กรัมแล้ววัดดูว่าก้านอัดยุบลงไปเท่าไหร่ แล้วก็อัด silicone ปริมาณเดียวกันเข้าไปในด้าม


5.4 แปะตะกั่วเข้าไปในเนื้อ silicone ที่อัดเข้าไปก่อนหน้านี้แล้วเกลี่ยให้เรียบดังรูป แล้วทิ้งไว้ให้แห้งประมาณหนึ่งวันก่อนที่จะปิดท้าด้ามและพันกริปทับ


แค่นี้เราก็จะได้ BLX 90 US Spec แบบง่ายๆครับ หวังว่าเกร็ดความรู้เล็กน้อยๆอันนี้คงจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ