Pages

Thursday, September 8, 2011

DONNAY X-Dual Gold 99

Rating:★★★★★
Category:Other


ทั้ง DONNAY X-Dual Gold 94 และ Gold 99 เป็นไม้ที่หนัก 310g ซึ่งเป็นน้ำหนักที่หลายๆคนซึ่งเคยตีไม้เบามาก่อนแล้วมาลอง Donnay บอกว่า "กำลังดี" ครับ มันก็เป็นไมตามสูตรที่ strung weight ที่เหมาะสมคือ 337g



X-Dual Gold 94: เป็นไม้ midsize ที่เหมาะสำหรับคนที่เคยชอบพวก Wilson Pro Staff, Volkl PB10, Wilson KBlade Tour 93 หรือแม้แต่ X-Red 94 มาก่อน (หัวไวคล้ายๆ PB10 มาก) แต่ต้องการ power ที่สูงขึ้นในน้ำหนักที่เบาลง หรือจะเป็นคนที่ตีไม้ midplus มาก่อนแล้วจะขยับมาตีไม้ midsize ครับ จุดเด่นคือ sweet spot ที่ใหญ่มาก ตียังไงก็โดน ฟาดแรงๆไม่ค่อยสะท้านแขน เอามาตี groundstroke จากท้ายคอร์ทแล้วรู้สึกว่าลดภาระลงจากไม้ pro staff ลงไปเยอะแต่ให้ feel ที่นุ่มเงียบพอๆกัน ตีได้ทั้งแฟลท กึ่งแฟลทกึ่งสปิน และสปิน (แต่สปินยังเป็นรอง Gold 99) ถ้าตีแบบเน้นข้อมือจะดีมาก (คนที่ตี PB10 จะเข้าใจดี) เพราะมันไม่ต้องตีลากเต็มวงเหมือนกับ pro staff สามารถเล่น แบ็คแฮนด์มือเดียว ลูกใกล้ตัว ลูกบล็อก และลูกแก้ไขได้คล่องมาก ข้อเสียคือขาด plow-thru ที่เป็นคุณสมบัติของไม้ไม้หนักในการ drive ลูกด้วยมวล ต้องฟาดแรงๆถึงจะเร่งเอา power ขึ้นมา

X-Dual Gold 99: ตัวนี้เป็นไม้ที่ "สารพัดประโยชน์" (versatile) ที่สุดของ DONNAY ที่ได้ลองมาครับ แต่ว่าน้ำหนัก 310g เบาไปนิดสำหรับผม เลยเสริม +10g butt cap และ 3g weight slide ที่ 12 นาฬิกา
Specification
ขนาดหน้าไม้: 99 ตารางนิ้ว
น้ำหนักไม่รวมเอ็น: 310 กรัม
บาลานซ์ไม่รวมเอ็น: 315มม.
น้ำหนักรวมเอ็น: 11.5oz
บาลานซ์รวมเอ็น: 5 Points HL
น้ำหนักซวิงรวมเอ็น: 318
แพ็ทเทิร์นของเอ็น: 16x19
ความแข็ง (RDC): 63
วัสดุด้ามจับ: Cushion
ความตึงเอ็น: 50lbs (+/- 5)
ความหนาของเฟรม (หัว/คอ/ก้าน): 15/18/17 มม.
ความยาว: 27 นิ้ว

Power: ไม้ตัวนี้ให้ power มาพอประมาณ ไม่มากมายเท่าไหร่ ไม้ control ตัวอื่นๆที่ลองมาก็ให้ power ที่ดีแต่มันต้องใช้ความพยายามในการซวิงมากระดับนึง (pro staff เหนื่อยสุด Prestige รองมา Radical เหมือนจะง่ายสุด แต่เหนื่อยพอๆกับ Prestige) Gold 99 ก็ต้องใช้ความพยายามเหมือนกันแต่ด้วยความที่หัวมันเร็วทำให้สามารถเร่งหัวไม้ได้เร็วในสโตรคที่สั้นกว่า/ไวกว่า

Feel: โครงสร้างไม้แบบ Dual Core เสริมโฟมช่วยลดแรงสะท้านจากการตีบอล ผลคือความนุ่มและแน่น บวกกับก้านอ่อนพอสมควรเลยทำให้ X-Dual Gold 99 ตีสบายแขนมาก เปรียบเทียบกับพวก DONNAY X-Series ตัวเก่าแล้ว X-Dual จะให้ feel ที่นุ่มและเงียบกว่า ว่าไปแล้วคล้ายๆพวก Wilson Blade 98 พอสมควร

Top Spin: ไม้ DONNAY เฟรมบางทุกตัวมีข้อได้เปรียบในเรื่องการเร่งหัวไม้ X-Dual Gold 99 พอถ่วงแล้วถึงแม้ว่า swingweight จะเยอะขึ้นแต่ก็ยังลื่นไหลมากพอที่จะตี top spin ได้อย่างไม่มีปัญหา ถ้าผมเอา Slide Weight ที่หัวไม้ออกก็น่าจะตี top spin ได้ดีกว่านี้
Stability: ความนิ่งของหน้าไม้ยังเป็นรองพวกไม้หนาๆ แต่พอเสริม Slide Weight +3g ไปที่ 3 และ 9 นาฬิกาก็ช่วยได้เยอะครับ

ไม้นี้เหมาะกับใคร: ด้วยความที่เป็นไม้ก้านอ่อนและน้ำหนักถ่ายมาทางหัวไม้นิดๆ สามารถ up น้ำหนักขึ้นไปได้ถึง 326g (+10g ที่ด้าม +6g ที่หัวไม้) เทียบเท่ากับพวก Head Prestige เพราะฉะนั้นไม้ X-Dual Gold 99 เหมาะกับคนที่เล่นจากท้ายคอร์ทเป็นหลักครับ



Sunday, September 4, 2011

DONNAY X-Dual Platinum 99

Rating:★★★★★
Category:Other
และแล้วก็ถึงเวลารีวิว DONNAY X-Dual Platinum 99 ครับ หลังจากผ่านการทดสอบมานานกว่า 3 เดือน เดิมที DONNAY X-Dual Platinum 99 เป็นไม้ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ ATP Pro โดยเฉพาะ โดยดูจากสายพันธ์ไม้ pro stock ยอดนิยมอย่าง

1. PT57A ซึ่งเป็นไม้เกมรับ แนวเล่นยื้อ เหนียวแน่น ไม่เน้นการจู่โจม และที่สำคัญต้องอ่อนพอให้แรลลี่ได้นานๆ 20-30 shots โดยไม่เจ็บแขน
2. PT57E ซึ่งก็คล้ายๆกับ PT57A แต่แข็งกว่านิดนึง (แต่ผมว่า flex กำลังดี) ซึ่งเหมาะกับ "เกมบุก" ยิง เพื่อปิดแต้มให้เร็วขึ้น

ทาง DONNAY ทำมาทั้งสองตัว ชื่อโค๊ดเดียวกันคือ JHT027 แต่ตัวนึง Stiff (แข็ง) และตัวนึง Soft (อ่อน) ผมได้ลองทั้งสองตัวครับ แต่ชอบตัว Stiff Top มากกว่าเพราะรู้สึกว่ามันยิงได้เด็ดขาดดีกว่า แล้วก็บังเอิญว่า testers ในประเทศอื่นก็ชอบตัว stiff เหมือนกัน ก็เลยได้ฤกษ์ส่ง JHT027 Stiff เข้าสายการผลิต X-Dual Platinum 99 ออกมา

JHT027 Stiff Top กับ Soft


JHT027 Stiff Top


JHT027 กับ PT57E


JHT027 = X-Dual Platinum 99 ในปัจจุบันโดยใช้โทนสี Aqua Blue แบบ Toyota Yaris


ก่อนจะไปถึงรีวิว ผมขอเล่าถึงเรื่อง Dual Core Technogoly นิดนึงครับ จุดเด่นของโครงสร้าง Dual Core คือโครงสร้าง 2 ชั้นที่ช่วยในเรื่อง Power และ Comfort (ความนุ่มนวล):

1. Inner Core หรือโครงสร้างวงในแบบชื้นเดียว (unibody) ทำหน้าที่ในควบคุมไม่ให้สูญเสียพลังงานเมื่อบอลปะทะหน้าไม้ ซึ่งไม้เทนนิสทั่วๆไปจะมีการสูญเสียพลังงานตรงรอยต่อบริเวณ bridge ที่ 6 นาฬิกา แต่ถ้าเป็นโครงสร้าง Unibody แล้วจะสูญเสียพลังงานน้อยกว่า ทำให้ลูกถูกส่งออกจากหน้าไม้ด้วย power ที่ดีกว่า

2. Outer Core ที่ทำหน้าที่ในการลด shock จากแรงปะทะ โครงสร้างไม้เทนนิสแต่ก่อนจะเป็นแบบวงนอกวงเดียว เมื่อบอลปะทะหน้าไม้ shock ก็จะวิ่งตรงเข้าแขนทันที แต่พอมีโครงสร้าง 2 วงของ Dual Core แล้วเมื่อบอลปะทะหน้า shock จะต้องเดินทางผ่านกำแพงรอยต่อระหว่าง Inner Core และ Outer Core ก็จะทำให้ shock ลดลง และประกอบกับทั้ง Inner Core และ Outer Core เป็นโครงสร้างแบบตัน มันก็ยิ่งช่วยลด shock ลงไปอีก



เมื่อนำไม้ X-Dual Platinum 99 ออกมาทดสอบเล่นอยู่หลายเดือน มีผลประมาณนี้ครับ

Ground Stoke: ไม้ X-Dual Platinum 99 ให้ groundstroke ที่ "นุ่มนวล และ คงเส้นคงวา" ทั้ง forehand และ backhand ด้วยความที่เป็นไม้หัวเบาประกอบกับโครงสร้างแบบ Dual Core ทำให้สามารถตีเข่นลูกได้แบบไม่ต้องพะวงว่าตีแป้กแล้วสะท้านแขน เพราะไม้ตัวนี้มี sweet spot ที่ใหญ่มากๆ สามารถอัดบอลแฟลทโดยให้ power ที่เด็ดขาดดี

Power: power เป็นจุดเด่นของไม้ตัวนี้ครับ โดย spec แล้ว power อาจจะไม่มาก แต่เมื่อเวลาจะเรียกพลังออกมา ผมว่ามันให้ power ได้ใกล้เคียงกับที่คาดหวังโดยเฉพาะเมื่อยิงแฟลท ใส่ 100 ได้ 100, ใส่ 150 ได้ 150, ใส่ 200 ก็ได้ 200 โดยที่ยังคอนโทรลอยู่

Volley & Stability: ใช้ได้ครับ แต่ขาด feel ไปหน่อย stiffness ของไม้ช่วยให้ control ทิศทางได้ง่าย ส่วนเรื่อง stability ถือว่าเยี่ยม หน้าไม้ไม่พลิกระหว่างตี

Feel: string pattern แบบ 18x20 ให้ feel ที่แน่น เต็ม นุ่มนวล ไม่สะท้านแขน "ยิ่งอัดแรงยิ่งมัน" ผมคิดว่า Dual Core ถูกออกแบบมาสำหรับคนที่บ้าพลังโดยเฉพาะ เพราะ feel มันจะโดดเด่นมากตอนอัดแรงๆ ชัดเจนมากตอนฟาดลูกเสิร์ฟ แต่ถ้าชอบเล่นเนียนๆ เน้นวางลูก ผมแนะนำ X-Series มากกว่า ถ้าถามผม ส่วนตัวผมยังชอบ feel แบบ แน่นๆ ดิบๆ ของ X-Series มากกว่า

Spin: สปินใช้ได้ถ้าความตึงไม่เกิน 55 lbs ถ้าได้ 52 lbs จะดีมาก เอ็นที่ผมลองมาแล้วแนะนำได้คือ Solinco Barb Wire 52 lbs หรือไม่ก็ Solinco Tour Bite 55 lbs ไม่แนะนำ hybrid ครับ ตื้อเกิน เพราะ Dual Core มันเงียบๆอยู่แล้ว



ส่วน Feedback จาก user ท่านอื่นประมาณนี้ครับ

X-DUAL PLATINUM 99: ไม้ X-DUAL PLATINUM 99 ที่ใช้อยู่ต้องยอมรับว่ายิ่งตีบ่อยๆยิ่งเข้ามือครับ ความนุ่มนวลของไม้ดีมากๆไม่มีอาการเจ็บข้อมือ,ข้อศอกจากการตีไม้ตัวนี้เลย คนที่ยังไม่เคยตีไม้ตระกูล DONNAY มักจะอ้างเสมอว่าไม้เฟรมบางแบบนี้จะต้องกระด้างและสั่นเวลาตี แต่ความจริงมันตรงกันข้ามเลยครับ เกมวอลเล่ย์หน้าเน็ตกลายเป็นของหมูไปเลยสำหรับผมแถมลูกเสริฟกับลูกตบก็ดีขึ้นมาก วันนี้เล่นไป 4 เซ็ทสบายๆเลยครับ...



X-DUAL GOLD 94, X-BLACK 99 เทียบกับ X-DUAL PLATINUM 99: เมื่อวันจันทร์ผมเข้าไปเอาไม้มา Demo สองอันคือ X-dual PLATINUM 94 กับ X-BLACK 99 ลองเอามาทดลองตีโดยตี X-BLACK ก่อน ถ้าเทียบไม้ตัวนี้กับ X-DUAL PLATINUM 99 ตัวPLATINUM เวลาตีให้ความนุ่มนวลกว่าอย่างเห็นได้ชัด สำหรับผมตัว X-DUAL PLATINUM 99 ตีดีกว่ามาก ถ้าเป็นวัยรุ่นเขาอาจจะชอบตัว X-BLACK ส่วนตัว X-DUAL GOLD 94 หลังจากได้ทดลองตีแล้วจุดเด่นของไม้ตัวนี้ก็คือเป็นไม้หน้าไม่เกิน 95 ที่ตีง่ายเหมือนตีไม้หน้า 100 น่าจะเป็นเพราะ Sweet Spot ใหญ่กว่ารุ่น X-SERIES รองลงมาคือความนิ่มนวลต้องถือว่าเป็นไม้ MID-PLUS ที่ให้ความนุ่มนวลอย่างหาตัวจับยาก ผมให้เพื่อนที่ใช้ไม้ BABOLAT APD GTอยู่ได้ทดลองตีแค่ลองตีไปแค่ 2-3Stroke เขาพูดออกมาเองเลยไม้มันตีนุ่มดีจัง วันพฤหัสนี้ผมจะลองให้เขาทดลองเล่นเซ็ทด้วยไม้ตัวนี้ดู เพราะเขายังกลัวเรื่องขนาดหน้าไม้ว่ามันเล็กไปสำหรับเขา ผมเองลองตีดูแล้วความรู้สึกในการบังคับบอลไม่ได้แตกต่างไปกับ X-DUAL PLATINUM99 เลย แต่ติดจะนุ่มนวลกว่า ไม้ตัวถือได้ว่าเป็นไม้ที่ตีง่าย Control บอลได้ดีอีกตัวหนึ่ง เหมาะสำหรับคนเล่นที่เล่นแบบ Precision Player"



ไม้ Prototype JHT 032 DC ที่ยังไม่รีวิว เทียบกับ X-DUAL PLATINUM 99: เมื่อวันอังคารที่แล้วผมได้นำไม้ DONNAY ตัวที่ค่า RA70และ Grommet สีส้มไปทดลองตี ผมคิดว่าไม้ตัวนี้เป็นไม้ที่ตีง่ายมาก Balance ของไม้ดีมาก หัวจะหนักกว่า X-DAUL PLATINUM จุดเด่นก็คือความนุ่มนวล (Comfortable) เอ็นที่ขึ้นมาก็เข้ากับไม้ได้เป็นอย่างดี ลองตีสปินแบบ Moon-Ball ลูกหมุนดีมากแทบไม่ต้องออกแรงปั่นเลยแค่ตีเป็นวง Spin ลูกก็หมุนแล้ว เวลาเสิร์ฟก็ง่ายเพราะน้ำหนักค่อนข้างจะ Balance การเล่น Volley และลูก Smash ก็ดีครับ Feel ของไม้ตัวนี้คล้ายๆกับ Babolat Puredrive แต่คล่องตัวกว่าแน่นกว่า จุดเด่นอีกข้อคือเป็นไม้หนักแต่เวลาตีจริงความรู้สึกว่าไม้มันเบากว่าน้ำหนักจริง เล่นเซ็ทแบบไม่หนักได้สบายๆ 3 เซ็ทโดยไม่มีอาการล้าเลยครับ ผมว่าไม้ตัวนี้น่าจะทำตลาดในบ้านเราได้เพราะตีได้ง่าย Control ก็ดี (ไม่ได้ลองตัวอื่นที่มาพร้อมกับไม้ตัวนี้)...