Pages

Saturday, March 12, 2011

Volkl Organix 10 (325g) VS. Head YouTek IG Speed Pro (335g)

Rating:★★★★
Category:Other
เมื่อวันศุกร์ได้มีโอกาสลอง Volkl Oranix 10 325g อยู่เกือบชั่วโมงแล้วทำให้นึกถึงไม้ที่เคยลองมาอีกตัวคือ Head YouTek IG Speed Pro ครับ ไม้สองตัวนี้มีความคล้ายกันมากในแง่ของ playability คือเหมาะกับคนที่เล่น groundstroke จากท้ายคอร์ทเป็นหลัก ไม้มีน้ำหนักเยอะทั้งคู่ซึ่งจะช่วยในเรื่องความเสถียรของหน้าไม้และ plow-thru ทำให้เพิ่มความคงเส้นคงวาในการตีลูก groundstroke จาก baseline แต่น้ำหนักก็ไม่มากเกินไปสำหรับคนที่ชินกับพวก Head Prestige มาก่อน

First Touch: สีสันและคุณภาพของการทำสีผมให้ Speed Pro เหนือกว่าครับ นอกจากนี้ก็มี CAP Grommet แบบสีขาวขุ่นและกริปหนังสีขาวที่ทำให้ Speed Pro เป็นไม้ที่เลียนแบบได้ยากในขณะที่ Ogranix 10 ออกแบบเรียบๆ (แต่ยังไงก็ไม่มีใครเลียนแบบ Volkl อยู่แล้ว)

Ground Stroke: เมื่อลองจับไม้ทั้งคู่จะรู้สึกได้เลยว่า Speed Pro คล่องตัวกว่าทั้งๆที่น้ำหนักเยอะกว่า 10g ทั้งคู่ให้ความหนักแน่นในการตี forehand groundstroke พอๆกัน ลูกที่ออกจากหน้าไม้ได้ ball speed ที่ดีและพุ่งมาก แต่เนื่องจาก balance ของ Oragnix 10 มาทางหัวมากกว่าเลยทำให้ Speed Pro ซวิงได้ง่ายกว่า ผมชอบ groundstoke ของ Organix 10 มากกว่าเพราะมันเข้ากับ timing วงซวิงของผมมากกว่า ในส่วนของ backhand นั้น Organix จะได้เปรียบกว่าโดยเฉพาะคนที่ตี backhand มือเดียวเพราะรูปร่างของ Oraganix 10 เรียวมนกว่าในขณะที่ Speed Pro จะค่อนข้างกลมจะเหมาะกับการตี backhand สองมือมากกว่า Stiffness ของ Oranix 10 น้อยกว่าช่วยลดความกระด้างตอนตีบอลไปเยอะครับ

Feel: Organix 10 ให้ ball feel ที่ "นุ่มและคมชัด" กว่า IG Speed Pro ที่ค่อนข้างจะจืดๆไปซักนิด จืดกว่าตัวก่อนอีก เปลี่ยนเอ็นมาสองรอบยังไม่ได้ feel ที่ถูกใจเลย เอ็นที่ผมใช้บน Organix 10 เป็น hybrid ของ Weisscannon Scorpion กับ Explosiv! จะให้ feel ที่ นุ่ม คม และ แน่นกว่า โดยเฉพาะถ้าต้องขึ้นกับไม้ที่เป็น 16x19

Power: IG Speed Pro จะได้เปรียบกว่า Power ของ Organix 10 จะน้อยกว่า จะว่าไปแล้วคล้ายๆกับ Power ที่ได้จากไม้ Yonex คือ ดังแต่ท่อล้อไม่ไป ถ้าใส่ไม่เต็มลูกมุดติดเน็ตแน่นอน

Volley: ชัดเจนว่า IG Speed Pro ดีกว่า ด้วยเฟรมที่บางกว่า, หัวเบากว่า, และก้านแข็งกว่า ทำให้ volley ได้แน่นอนและลุกพุ่งกว่าครับ

Spin & Slice: ทั้งคู่ไม่ได้เกิดมาเพื่อสปินโดยเฉพาะ สปินได้ครับแต่ต้องใช้ความพยายามมากๆทั้งคู่เนื่องจากไม้มีน้ำหนักสูง ถ้าตีท๊อปสปินบอลต่ำโดยปัดจากล่างขึ้นบน Organix 10 เหมาะกว่าเพราะหัวไม้เรียวกว่า ถ้าเป็นไซด์สปิน (side spin) ที่ต้องตีบอลสูงเหนือเอว (ตีแบบ Novak) ก็ IG Speed Pro ดีกว่าครับ

ปล. ผมไม่รู้สึกว่าเทคโนโลยี Optispot ของ Volkl Organix จะช่วยให้ตีแม่นขึ้น แต่ยอมรับว่า sweet spot ของ Organix 10 ตัวนี้ดีกว่า PB10 Mid Plus รุ่นที่แล้วเยอะ

ตอนนี้สามารถ comment ได้แค่นี้ครับ ไว้ถ้ามีโอกาสได้ลอง Speed Pro กับเอ็น Weisscannon แล้วจะมาเล่าสู่กันฟังอีกรอบครับ

Volkl Organix 10 325g






Head YouTek IG Speed Pro




Friday, March 4, 2011

Babolat ProPulse 3

Rating:★★★★
Category:Other
เมื่อวานเอา Babolat ProPulse 3 ไปลองที่ CV อยู่ 4 ชม. มีผลคร่าวๆดังนี้ครับ



ภายนอก: 10/10 ดูแล้วกระฉากวัยอย่างได้ใจ ก่อนออกจากบ้านแม่ผมยังหยิบมาดูเลย ลวดลายดุดันฉีกแนวดั้งเดิมของ Adidas Barricade และความเรียบง่ายของ Nike Vapor ความเรียบร้อยของการตัดเย็บถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับ Adidas ครับ กาวไม่มีเลอะเยิ้่ม นอกคอร์ทใส่กับยีนส์ก็ยังดูดี

ขนาดและความฟิต: ให้ 10/10 ครับ ความกว้างของ Toe Box เบอร์ 9.5 ของ Babolat จะเท่าๆกับ 9.5 ของ mi Adidas Barricade 5 แต่ใหญ่กว่า Barricade 6 เนื่องจากขนาดเท้าที่กว้างกว่า ถ้าใครใส่ Barricade 6 เบอร์อะไรควรจะใส่ ProPulse 3 เล็กกว่าครึ่งเบอร์ครับ ผมอ่าน review จาก TW มาก่อนก็เตรียมทำใจเรื่องรองเท้ากัด แต่พอเอาไปลองจริงยังไม่เจอปัญหานี้นะ จะรู้สึกก็บริเวณด้านหลังที่มันจิกด้านหลังตาตุ่มนิดๆแต่ก็ไม่กัดครับ

การโอบอุ้มหลังเท้า: ให้ 10/10 เช่นครับ Upper Sole ของ ProPulse 3 ให้ความนุ่มนวลโอบรับเท้าได้ดีกว่าทุกๆรองเท้าที่ลองมา (Glove-Like Feel) ไม่แข็งเหมือน Barricade 6 ทั้งๆที่วัสดุส่วนบนเป็น PVC เหมือนกัน รองเท้าสวมใส่ง่าย แต่ระบบเชือกผูก (Lacing System) ยังเป็นรอง Nike Vapor ที่สามารถถอดใส่ได้เร็วมาก เข็มขัดรัดข้อเท้าและด้านหน้าช่วยให้อำนวยความสะดวกในการให้รองเท้ากระชับหลังผูกเชือกระหว่างการเล่น อันนี้ work ไม่ใช่ gimmick แน่นอนครับ

การเกาะพื้นผิวคอร์ท: 10/10 ระหว่างวิ่งๆหยุดๆ รองเท้าให้ความรู้สึกว่าเบาสบายคล่องแคล่วกว่า Barricade 5 & 6 และการเกาะพื้นคอร์ทที่ดีในระดับที่ดีมาก (จริงๆแล้วพื้นคอร์ท CV มันก็หนึบอยู่แล้วส่วนนึง เดี๋ยวต้องเอาไปลองคอร์ทปูนลื่นๆ) ตอนแรกเห็นดอกยางบางๆ นึกว่าจะไม่ค่อยเกาะ แต่ผมว่ามันก็พื้นคอร์ทได้ดีพอๆกับ Barricade นี่แหละครับ

ความมั่นคง: 9/10 การป้องกันด้านข้างในระหว่างที่วิ่งและหยุดซ้าย-ขวายังเป็นรอง mi Adidas Barricade 5 แต่ถ้าให้เลือกระหว่างตัวนี้กับ Barricade 6 ผมเลือก ProPulse 3 แน่นอน เพราะอย่างน้อยไม่บีบปลายเท้า ถ้าบริเวณ Toe Box เสริมด้านข้างให้แข็งอีกนิดนึงเหมือน Barricade ก็จะดีมาก

การรองรับแรงกระแทก: 8/10 เนื่องจากรองเท้าตัวนี้ถูกออกแบบให้เป็นรองเท้าแนว Low Profile - Fast Feeling คล้ายๆกับรองเท้าวิ่ง หรือประมาณ Nike Vapour, Asics Gel Resolution เพราะฉะนั้นพื้นค่อนข้างบางและเรียบ บางและเรียบแบนพอๆกับ Nike Vapor แต่ผมว่าพื้นบางไปหน่อยสำหรับคนน้ำหนักเยอะอย่างผมครับ ถ้าจะให้ดีอาจจะต้อง 1.) ใส่ถุงเท้าที่หนาขึ้น หรือ 2.) เปลี่ยนแผ่นรองด้านในหนาขึ้นเพิ่มความนุ่มนวล วันก่อนคุยกับน้องที่ CV เค้าแนะนำให้ไปสั่งทำพื้นรองเท้า ราคาแพงนิดนึงแต่มัน support เท้าได้เข้ารูปดีกว่าเยอะ

บทสรุป: Babolat ProPulse 3 เป็นรองเท้าที่น่าสนใจตัวนึงที่เหมาะกับคน Asia ซึ่งมีหน้าเท้ากว้าง ระบบเข็มขัดสองจุด work มากๆ Upper Sole ของรองเท้าได้จุดเด่นในเรื่องความนุ่มสบายของ mi Adidas Barricade 5 และ Outsole หนึบเกาะพื้นคอร์ทดีใช้ได้และให้ความรู้สึกเบา-คล่องแคล่ว ของ Nike Vapor คนน้ำหนักเยอะอาจจะเจอปัญหาเรื่องการรองรับน้ำหนักบ้างถ้าเล่นเทนนิสวันละหลายๆชั่วโมง แนะนำให้เสริมพื้นดีกว่า ส่วนเรื่องความทนทานผมยังไม่สามารถตอบได้ แต่ตอนนี้พวกเด็กแข่งเริ่มเอาไปใช้กันแล้ว อีก 3 เดือนรู้ผลครับ