Pages

Saturday, May 29, 2010

Head PT10

Rating:★★★★★
Category:Other
วันนี้มีไม้ Pro Stock หรือ Paintjob อีกอันมาเล่าสู่กันฟังครับ คราวนี้เป็น Head PT10 ซึ่งเป็น code สำหรับ Head Prestige Classic 600 (PC600) ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัย 1990 แต่ว่ามาอยู่บน paintjob ของ FlexPoint Prestige ซึ่งถูกนำมาใช้ในช่วง 2006-2007 ผมมีโอกาสได้เล่นไม้นี้มาหลายชั่วโมงแล้วเหมือนกันก็คอนเฟิร์มเลยครับว่านี่คือ PC600 100%

สังเกตที่รู flexpoint ที่ทำสีให้เหมือนกับการเจาะรู

ด้านในของคอไม้จะไม่มี spec ของไม้เขียนไว้เลยนอกจาก code "PT10"


รูปร่างและน้ำหนัก: ผมเอามาวางเทียบกับ PC600 ก็ปรากฎว่าเท่ากันเป๊ะ ตาไก่สามารถใส่แทนกันได้ ต่างกันตรงที่ว่า PT10 ไม่มี collar ที่ขั้นอยู่ระหว่างคอไม้กับด้าม น้ำหนักตอนที่มาแรกๆผมว่าน่าจะเกิน 370g unstrung แน่นอนเพราะมีตะกั่วถ่วงอยู่ใต้ bumper ที่ตำแหน่งตั้งแต่ 3-9 นาฬิกา 2 ชั้น 2 ข้าง แถมยังมีการอัดซิลิโคนมาเต็มด้ามอีกต่างหาก ครั้งแรกที่ขึ้นเอ็นแล้วเอามาลองตี ไม่ไหวจริงๆครับ ต้องรื้อเอ็นทิ้งแล้วเลาะเอาตะกั่วบางส่วนออกให้เหลือไว้ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาเล็กน้อยเท่านั้น




Feel: พอหลังจากที่รื้อตะกั่วออกพร้อมกับขึ้นเอ็นใหม่ให้ได้ตามความชอบผมซึ่ก็คือ Volkl PowerFiber II (นุ่ม ดิบ และ power กำลังดี) ที่ 52 lbs ผมก็ได้ feel แบบ PC600 กลับมาเต็มที่ Ground Stroke จากไม้ PT10 ยังคงความนุ่ม แน่น และดิบเถื่อนได้ใจ :) Feel เป็นเรื่องที่พูดยาก ต้องมาลองด้วยตัวเอง ถ้าใครอยากลองก็หลังไมค์มาละกันครับ

Ground Stroke: Ground Stroke ถือว่าเป็นจุดเด่นของ PT10 เลยก็ว่าได้ เมื่อตี PT10 เปรียบเทียบกับ PC600 แบบ side-by-side ก็สามารถคอนเฟิร์มได้อีกทีว่ามันคือไม้เดียวกันครับ ในไม้ midsize ด้วยกันผมว่า PT10/PC600 สามารถซวิงได้ง่ายพอๆกับ Volkl PowerBridge 10 Mid ถึงแม้ว่าน้ำหนักจะเยอะกว่าก็ตาม และถ้าเทียบกับพวก Wilson K90 หรือ BLX90 แล้ว PT10/PC600 ก็กินขาดครับ รู้สึกได้ทันทีว่า K90/BLX90 ช้ากว่าเยอะ นอกจากจุดเด่นใน feel ที่ทำให้หลายๆคนติดใจแล้ว ความอ่อนตัวของก้านไม้ + หน้าไม้ที่ดูดลูกได้ดี ทำให้รู้สึกถึงความ "อ่อนและนุ่ม" ที่เป็นเอกลักษณ์มากๆหาไม่ได้ในไม้รุ่นใหม่ๆ เหมาะกับคนที่ชอบเล่นแนว baseliner ที่เน้น rally กันนานๆ

Volley: ดีครับ PT10 วางลูกได้แม่นดี ด้วยน้ำหนัก บวกกับ head-light balance ช่วยให้คุมทิศทางทางได้ง่าย หน้าไม้นิ่งจากน้ำหนักของไม้ + box beam cross section ที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้ดี แต่อย่างไรก็ตามผมว่ายังไง volley ก็ยังเป็นรองพวก Wilson Pro Staff อยู่ Volley จากไม้ Pro Staff ลูกจะพุ่งกว่า

Slice & Spin: เนื่องจาก string pattern แบบ 18x20 แถมหน้าไม้เล็กอีก (93 sq.in แต่จริงแล้วอยู่ที่ประมาณ 89.5 sq.in) ทำให้รู้สึกว่าไม้นี้ spin และ slice ยากทั้งคู่ครับ slice ก็พอได้บ้าง ลูกออกจากหน้าไม้แน่นและวิ่งเลียดเน็ทดีแต่ถ้าเป็น spin นี่ปั่นไม่ขึ้นจริงๆ

บทสรุป: Head PT10 เป็นไม้ที่เหมาะกับ baseliner ที่เน้นลูก flat ใครที่ชอบ Head PC600 ก็คงจะชอบ PT10 เหมือนกัน นอกจากนี้มันก็เป็นไม้ที่หายากมากๆด้วย สำหรับคนที่ชอบสะสมไม่ควรพลาด Head PT10 ครับ

วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ ที่เหลือลองไปอ่านรีวิวเก่าเกี่ยวกับ Head PC600 ได้ที่ http://suppawat.multiply.com/reviews/item/21

Friday, May 7, 2010

Head PT57A

Rating:★★★★★
Category:Other
สวัสดีครับ เช้านี้ว่างๆเลยได้มานั่งเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับไม้ Pro Stock พิมพ์นิยมตัวนึงที่ PT57A ซึ่งปกติแล้ว Head ผลิตมาเพื่อนักเทนนิสระดับ Top 100 เท่านั้น แต่เผอิญว่าผมได้ไม้ตัวนี้มาตอนช่วงที่เค้าเปลี่ยน paint job จาก Microgel ไปเป็น YouTek ทางเจ้าตัวบอกว่าไม้ตัวนี้เคยเป็นของนักเทนนิสคนนึงจาก Serbia ที่มี ranking ต่ำๆหน่อย ก็ไม่รู้ว่าของใครเหมือนกัน แต่สุดท้ายเค้าย้ายไป PT57E ซึ่งแข็งกว่า PT57A คุณสมบัติทั่วๆไปของไม้รหัส PT คือ

1. เป็น Hi-Grade Graphite ผสม Twaron ไม่มีส่วนผสมของวัสดุใหม่ๆ เพราะฉะนั้น feel จะเหมือนไม้รุ่นเก่า
2. น้ำหนักเบากว่าไม้ท้องตลาด (<320g) เพราะทำไว้เผื่อถ่วงตะกั่ว ตามความชอบของนักเทนนิสแต่ละคน
3. ก้านค่อนข้างอ่อน (stiffness < 63) แต่มันก็มีหลาย stiffness ให้นักเทนนิสได้เลือกใช้



PT จะเป็นไม้ที่มาจาก mold ของไม้ตระกูล Prestige Classic 600 (mid size) และ Pro Tour 630 (mid plus)
PT10 = PC600 แต่เบากว่า
PT57A = Pro Tour 630 ที่เบาขึ้นและแข็งขึ้นเล็กน้อย
PT57E (ไม่เคยได้ยินว่ามี PT57B, PT57C, PT57D) = i.Prestige MP

ภาพรวม: หลายๆคนถามว่า PT57A มันเหมือนไม้ตัวใหนบ้าง ...เท่าที่ลองเล่นดูมา 2-3 ชั่วโมง PT57A มันไม่เหมือนกับไม้ตลาดตัวใหนเลยแม้กระทั่ง Pro Tour 630 ซึ่งเป็นต้นแบบ ถ้าเอาแบบใกล้เคียงผมว่ามันคล้ายๆกับ Dunlop AG200 Berdych ที่ผมมีอยู่ แต่ PT57A น้ำหนักเบา และก็เบากว่ากว่าพวก Prestige หรือ AG200 ด้วย เรียกว่ามันถูกออกแบบมาไว้สำหรับเพิ่มตะกั่วถ่วง balance โดยเฉพาะครับ

Feel: PT57A เป็นไม้ที่มีเสน่ห์ ตีง่ายมากตั้งแต่ลองครั้งแรก :) Head Shape รูปหยดน้ำพิมพ์นี้ลู่ลมสุดๆทำให้ไม้มีความคล่องตัวสูง ซวิงง่ายทั้ง forehand และ one-handed backhand ถึงแม้ว่า feel จะไม่ดิบเท่า Head PC600 หรือ PT630 แต่ก็แน่นและ"นิ่ง"มากๆ ผมว่าวัสดุที่ทำไม้พวกนี้มันช่วย dampen การสั่นสะเทือนได้ดีมากๆ ขนาดว่าผมขึ้นเอ็น Poly นะ feel ยังดีขนาดนี้เลย ลูกไม่เด้งออกจากหน้าไม้ทันที แต่จะหยุดจมอยู่บนหน้าไม้แป๊บนึง

Flex: ก้านไม้ค่อนข้างอ่อน (59RA) เวลาหวดไม้ออกไปตีลูกแบบ full-swing ทำให้เหมือนไม้อุ้มลูกอยู่แป๊บนึงก่อนจะดีดลูกออกไปทำให้คอนโทรลง่าย ตรงนี้คล้ายๆกับ KBlade Tour ที่ผมเคยใช้มาแต่ก้านไม่แข็งเท่า KBT สรุปง่ายๆก็คือ PT57A เป็นไม้ที่ control เยี่ยมสำหรับคนที่ชอบอัด flat แรงๆ (แนว Soderling, Murray หรือ Wawrinka)

Power: ดีกว่าที่คิด ดีกว่า PC600 ตีอัด flat มันส์มากๆเนื่องจาก flex ของไม้ช่วยดีดลูกได้ดี

Spin/Slice: ดีกว่าไม้ 18x20 ทุกๆตัวที่ลองมา แต่ส่วนนึงมาจากเอ็นด้วย ในวันที่ทดลองผมใช้ Polystar Turbo

สรุป: เป็นไม้ที่น่าใช้และน่าสะสม เพราะผมไม่คิดว่าไม้ประเภทนี้จะอยู่ใน Road Map ของ Head แน่นอน จะมีใกล้เคียงก็มี Head YouTek Radical Pro ที่ก้านอ่อน power มหาศาลแต่ไม่คล่องตัวเลย ผมว่ายังไง PT57A ก็เหนือกว่าหลายขุม

PT57A มาพร้อมกับกริปหนัง Head Finest Calfskin ซึ่งครั้งนึงผมเคยคิดว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่หาซื้อยากมาก

ด้านในของไม้ Pro Stock จะไม่มี spec detail อะไรเลย มีแต่ code เท่านั้น






ข้อสังเกต: เท่าที่ลองไม้ Pro Stock ของ Berdych กับ Verdasco มา ผมว่าไม้โปรจะมีคุณสมบัติคล้ายๆแบบนี้หมดคือขอให้ Feel ได้ Flex ได้ก่อนแล้วก็เบาเข้าไว้ เพราะเราไม่สามารถแก้ไข Feel/Flex ได้เอง ส่วนที่เหลือ (น้ำหนัก บาลานซ์) ก็ไป customize กันเอง ตอนที่ผมใช้ ผมถ่วงตะกั่วข้างละ 3g ไว้ที่ 3 กับ 9 นาฬิกา ไม่งั้นจะเบาเกินไป แต่ที่สำคัญที่สุดผมรู้สึกว่า Mold มีก็มีส่วนมากๆด้วยเหมือนกัน Mold รูปหยดน้ำของ Head PT57A หรือ PT630 ค่อนข้างจะเป็นที่นิยมเพราะผมลองเอามาวางเทียบกับไม้ Dunlop AG200 Berdych หรือ Technifibre TF320 VO2 Max Verdasco ปรากฎว่าด้านนอกเท่ากันจะต่างกันก็แค่การเจาะรู string pattern เท่านั้นเอง

PT57A วางเทียบกับ Pro Tour 630 สัดส่วนเท่ากัน



PT57A เมื่อวางเทียบกับ AG200 Berdych สัดส่วนเท่ากันเป๊ะ


PT57A เมื่อวางเทียบกับ TF320 Berdych สัดส่วนก็ยังเท่ากันอีก





Sunday, May 2, 2010

Polystar Classic, Energy, Strike, and Turbo

Rating:★★★★
Category:Other
Polystar String Review: Classic, Energy, Strike, and Turbo



หลังจากที่ได้ทดสอบกันมาพอสมควร วันนี้ได้ฤกษ์มานั่งเขียนรีวิวเอ็น 4 ตัวที่มีโอกาสได้ลองมาเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งหมดเป็นเอ็น Poly ของ Polystar ซึ่งมีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน

1. Polystar Classic: เมื่อประมาณกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้ลองไปครั้งนึงแล้ว http://www.pyramidtennis.com/board/viewtopic.php?t=1212

String Demo: วันนี้ได้เอา Speed Pro ไปลองมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมได้ลองเอ็น Polystar Classic ซึ่งเป็นเอ็น Poly ที่มีความยืดหยุ่นสูง (high elasticity) แต่ก็ไม่ได้ย้วยคืนตัวช้าเหมือน soft-poly ทั่วไป นะครับ power อย่างต่ำต้องหวดกันสุดแรง Spin/Slice ดีใช้ได้ ผิวเอ็นค่อนข้ามันแต่ไม่ลื่น เอ็นเคลื่อนง่ายแต่ไม่ค่อยกลับไปตำแหน่งเดิม แต่จัดเอ็นก็ไม่ยากเท่าไหร่ ถ้าดูจากกลุ่มของเอ็น Soft Poly ด้วยกันแล้วผมว่า Polystar Classic ให้ feel ทีดีกว่า Soft-Poly หลายๆตัวที่ลองมาครับ ไม่มีอาการเด้งเกินเหตุ หรือมี plastic feel แต่อย่างใด ผมว่าเอ็นตัวนี้น่าจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง Original Poly กับ Soft Poly นะ ...

แต่มาคราวนี้ผมได้เอาไปลองกับ Head PT10 ซึ่งเป็น Paintjob ของ Head Prestige Classic 600 (PC600) ที่ความตึง 50 ปอนด์ (ตอนทดสอบกับ Speed Pro ผมขึ้นที่ 55 ปอนด์) ผลปรากฏว่ามันเด้งกว่าคราวที่แล้ว feel ที่เคยดีๆก็หายไปเยอะเหมือนกัน เอาเป็นว่าให้ใช้ review จากคราวที่แล้วไปก่อนละกันครับ ผมว่าเอ็นมันยังไม่ได้แสดงพลังอย่างเต็มที่ที่ความตึงต่ำๆ


2. Polystar Energy:เมื่อ 2-3 เดือนก่อนเคยลองเอ็นตัวนี้กับไม้ mid+ ของน้องท่านนึง ผมจำไม่ได้นะว่าเค้าขึ้นไว้กี่ปอนด์ แต่คุ้นๆว่ามากกว่า 55 ปอนด์ feel ตอนอัดแรงๆดีครับ แน่นมากไม่มีเสียงวิ๊งๆเหมือนเอ็น poly อื่นๆ Power ดีตามคาดช่วยให้ส่งลูกถึงหลังได้ง่าย ...แต่พอผมเอาไม้ตัวเองมาขึ้นกลับเป็นหนังคนละม้วนเลย ผมขึ้น Polystar Energy บน Head PC600 ที่ความตึง 50 ปอนด์ พอได้เริ่มตีรู้เลยว่าหย่อนไป หน้าไม้เด้งมาก กะน้ำหนักลูกลำบาก แถมมีเสียงวิ๊งๆด้วย เอาเป็นว่าผมคงต้องไปลองเพิ่มความตึงแล้วทดสอบใหม่ แต่ถ้าใครสนใจจะลองเอ็นตัวนี้แนะนำให้ขึ้นเกิน 55 ปอนด์ ไม่ต้องห่วงว่าจะกระด้างตีไม่ได้ เอ็น Polystar ตัวนี้ค่อนข้างนุ่มคล้ายๆ Boris Becker Bomber ครับ


3. Polystar Strike: ตัวนี้เค้าคุยกันว่าเป็นคู่แข่งตรงของ Luxion ALU Power Rough ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบอัดหนักๆและต้องการคอนโทรลที่ดี ยิ่งถ้าผสม ALU Power กับ Gut นี่เยี่ยมเลย feel ดีมากๆ ขอนอกเรื่องนิดนึง ถ้าจะเปรียบ ALU+Gut ผมอยากจะให้นึกถึงหลักการทำงานของโช๊คอัพ (Shock Absorber) ของรถครับ มันจะต้องประกอบไปด้วยการทำงาน 2 ส่วน 1.) สปริงที่ทำหน้าที่รับแรงกดเมื่อรถวิ่งผ่านหลังเต่า ถ้ามีสปริงอย่างเดียวรถมันก็คงจะเด้งดึ๋งดั๋งกันไม่รู้จบ มันจึงต้องมี 2.) กระบอกไฮโดรลิกที่ทำหน้าที่ต้านการกดตัวของสปริงและลดการเด้งของรถลง

ทีนี้กลับมาที่เรื่องของเอ็นไฮบริด Gut ก็เปรียบเสมือนกับสปริงที่มีความยืดหยุ่นสูง ให้ power ดี แต่ก็คงจะเด้งเกินไปจึงต้องมี ALU ที่ stiff กว่ามาช่วยต้านการยืดตัวของ Gut และช่วยควบคุม power แต่ในครั้งนี้ผมไม่ได้ขึ้น hybrid นะครับ เพราะอยากจะรู้ feel ของเอ็นตัวนี้ตัวเดียว ผมขึ้น Polystar Strike บน Head Pro Tour 630 แบบเต็มหน้าที่ความตึง 50 lbs ผลออกมาเหมือนกับ case ของ Polystar Energy เลยครับ หน้าไม้เด้งมาก ยังบอก feel อะไรไม่ได้มากนัก มันเหมือนกับเอ็นยังไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ๆความตึงน้อยๆแบบนี้ ซึงก็เป็นข้อแตกต่างเมื่อเทียบกับ ALU ที่ทำงานได้ดีแม้ที่ความตึงต่ำๆ ถ้าใครอยากลองผมแนะนำให้ขึ้นที่ความตึงมากกว่า 55 ปอนด์เช่นกันครับ


4. Polystar Turbo: ตัวนี้เป็น highlight ของการทดสอบเลยครับ Polystar Turbo เป็นเอ็นหน้าตัด 15 เหลี่ยม ที่พวกนักเลงสปินคงจะติดใจ ไม่ใช่แค่ชอบใจนะ เอ็นตัวนี้ stiff กว่าทั้ง 3 ตัวที่ผ่านมา ทำงานได้ดีที่ความตึงต่ำๆ ผมขึ้นเอ็นตัวนี้ที่ความตึง 50 ปอนด์แบบเต็มหน้าเช่นกันบน Head PT57A ซึ่งเป็นไม้ pro stock ที่มีความอ่อนตัวสูง (stiffness < 59) โดยรวมแล้ว Power จากเอ็นตัวนี้กำลังดีเลยครับ เส้นนอนและเส้นตั้งล๊อคตัวกันดีมาก เอ็นไม่ค่อยเคลื่อนตัว Feel ค่อนมาทาง firm แต่ก็ไม่ได้แข็งเหมือน poly ทั่วไป เอ็น dampen ตัวเองได้ดีเหมือนกับพวก hybrid ของ Gut+Alu เวลาอัดแรงๆไม่สะท้านแขน ลูกพุ่งดีมากๆ ผิวเอ็นสากและกัดบอลดีมาก spin/slice เป็นไปได้ง่ายแม้จะขึ้นบนไม้ 18x20 ก็ตาม สรุปว่าประทับใจครับ วันนี้เลยรื้อเอ็น multi บนไม้ Pro Stock อีก 2 ตัวทิ้งแล้วมาขึ้น Polystar Turbo แทน ใครที่เคยขึ้น Volkl Cyclone ไปแล้วอยากแนะนำให้ลองตัวนี้ดูครับ Feel แน่น-นิ่ง-ดิบกว่า และ Power ก็ดีกว่าด้วย