Pages

Tuesday, December 30, 2008

Wilson KTour 95

Rating:★★★★★
Category:Other
Wilson KTour 95
ไม้ตัวนี้นี่ผมอยากได้มานานแล้วหล่ะ หลายๆคนบอกว่าเป็นไม้ของผู้หญิง แต่ผมว่ามันเหมาะกับทุกเพศทุกวัยนะ อันนี้ไม่ได้พูดเกินจริงๆ เดี๋ยวจะบอกว่าทำไม สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของไม้ตระกูลนี้คือ "เบาแต่แน่นปึ๊ก" ซึ่งผมไม่เคยเจอความแน่นในไม้ที่เบากว่า 300g เลย ผมเคยได้ลองมาตั้งแต่ nTour, nTour 2, และล่าสุด KTour ตัวนี้ถ้าเรียงตามความชอบก็คงจะเป็น KTour > nTour > nTour 2 หลังจากที่ได้ไม้มาผมก็เอามาขึ้นเอ็นด้วย Babolat Xcel Premium 16 ที่ความตึง 52 ปอนด์ วันนี้ตอนเช้าได้เอาไปน๊อกบอร์ดทีนึงแล้วตอนเย็นก็ได้เอาไปลงตีในคอร์ทอีกครั้ง ผลเป็นดังนี้ครับ


Spec: http://www.tennis-warehouse.com/descpageRCWILSON-KTOURM.html


Ground stroke: หนักแน่นทั้ง Forehand & Backhand (ทั้งมือเดียวและสองมือ) เหมาะกับการตีทั้งแบบเต็มวงและการตีแบบสบัดเน้นข้อมือ แต่อันหลังนี่จะเหมาะกว่าครับเพราะมันช่วยให้เล่นทิศทางได้ง่ายดี

Power: กำลังพอดีเลยครับ ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่เนื่องด้วยที่ตัวไม้น้ำหนักเบามากๆทำให้ Plow-Thru effect ไม่ได้มีมากเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นไม้นี้อาจจะมีปัญหาในการบล๊อกลูกแรงๆ ปกติแล้ว Power มาจากโมเมนตัมในการตีลูกซึ่งจากสูตรฟิสิกส์สมัย ม.4 โมเมนตัมเท่ากับ มวล x ความเร็ว ถ้าเราไม่โมไม้เลย นั่นหมายความว่าคุณต้องซวิงเร็วเพื่อให้ได้โมเมนตัมเยอะๆ แต่ไม้ผมที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเน้นที่น้ำหนักเยอะมากกว่า คือไม่มีอะไรต่ำกว่า 330g เลย เพื่อที่จะได้หยุดแรงปะทะไว้ที่ตัวไม้ให้มากที่สุดก่อนที่มันจะลามมาถึงแขน สำหรับ KTour โมเมนตัมต้องมาจากเรี่ยวแรงของผู้เล่นเป็นหลัก ถ้าต้องการแก้ไข ทางเลือกที่ทำได้คือต้องเสริมตะกั่วเพิ่มเพื่อเพิ่ม Stability กับ เพิ่ม Static/Swing Weight เพื่อที่จะเพิ่มโมเมนตัมในการตีลูก แต่ผมก็ไม่ค่อยอยากจะแนะนำนะครับ ผมว่าไม้นี้ใน stock form ก็มีเอกลักษณ์ที่ดีอยู่แล้ว

จาก Power Map จะพบว่า KTour สามารถให้ Power Distribution ในแต่ละโซนได้ดีที่สุดในบรรดาไม้ Mid+ ยอดนิยมด้วยกัน


Feel: แน่นมากๆเหมือนกับตัวเฟรมมันกระจายโมเมนตัมได้อย่างทั่วถึง หน้าไม้นิ่งมากเวลาที่ต้องอัดแบบเต็มๆ Sweet zone กว้างมากๆ เสียงลูกกระทบไม้ดังได้ใจให้ความรู้สึกแบบ "โดนเต็มๆ"

Volley: Volley ได้ง่ายพอสมควรเพราะไม้มีน้ำหนักเบา สามารถเล่นลูกขลุกขลิกด้านหน้าตัวได้ดี


บทสรุป: ผมทึ่งกับ KTour มากๆ ปกติผมจะไม่ค่อยชอบไม้รุ่นใหม่ๆเท่าไหร่เพราะ Feel มันก๊องแก๊งเกินไป แต่ KTour นี่เป็นข้อยกเว้นครับ ตัวไม้มีน้ำหนักเบาและมี power มากพอประมาณ มันเลยน่าจะเหมาะกับสไตล์การเล่นแบบ All-Court หรือไม่ก็การเล่นคู่ และยังเหมาะกับผู้เล่นหลายระดับด้วย ผมว่าถ้าใครจะมาหัดเล่นเทนนิสด้วย KTour ก็ยังโอเคนะ (เพราะน้ำหนักกับ power level) ช่วงนี้ไม้ของ Wilson กำลังลดราคาอยู่ผมได้ตัวนี้มาในราคา 4000 ต้นๆ ถ้าเป็น nTour ก็อยู่ประมาณ 2500 เองซึ่งถือว่าโอเคเลยสำหรับไม้คุณภาพแบบนี้

Boris Becker Delta Core 1 (Demo)

Rating:★★★★★
Category:Other
เมื่อวานผมได้แวะไปที่ร้าน Sport Nova บางกรวยมาเพื่อไปหาซื้อตะกั่วถ่วงไม้ แล้วพอดีมองไปเห็นไม้ Boris Becker Delta Core 1 (DC1) ตัวนี้มาซึ่งเค้าเอาไว้ให้ demo แค่ลองเดาะลูกเล่นก็ปรากฏว่า เออเฮ้ย มันเจ๋งดีแฮะ มันไม่สะเทือนเลยแถมลูกก็ไม่ดีดมากด้วย มันเป็นไม้สำหรับผู้ที่เริ่มเล่นเทนนิส หรือบางคนก็บอกว่าเป็นไม้สำหรับผู้ใหญ่ จริงๆผมก็ไม่ได้เข้าข่ายทั้ง 2 อย่างนะ แต่ก็อยากลองของแปลกๆบ้างเหมือนกัน คิดว่ามันน่าลองเอาไป demo ดู เช้านี้ก็เลยได้เข้าไปน็อคบอร์ดดู ผลปรากฏว่าเป็นไปอย่างที่คิด

Spec: ดูที่นี่เลยครับ http://www.tennis-warehouse.com/descpageRCVOLKL-BDC1.html

Power: ไม่ต้องสงสัยเลย Power มากมายโดยไม่ต้องออกแรงมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจากมากซะ control ไม่ได้เลย ดีไม่ดีผมว่า power มันน้อยที่สุดในบรรดาไม้ power เลยมั๊ง เอาเป็นว่าค่อย-แรงสั่งได้ครับ

Feel: มี 2 ความรู้สึก "Hollow but Stable" หลายๆคนที่เคยตีไม้เบาๆจะเข้าใจดีว่า Hollow เป็นอย่างไรซึ่งโดยทั่วไป Hollow จะตรงข้ามกับ Solid ถ้านึกไม่ออกลองนึกภาพเอาขวดพลาสติกที่ไม่มีน้ำมาฟาดกับลูกบอลดูจะพบว่ามันรู้สึกกลวงๆแล้วลูกไม่ค่อยไป นั่นแหละ Hollow แต่ในทางกลับกันถ้าในขวดพลาสติกมีน้ำจะพบว่ามันแน่นขึ้น (Solid) Hollow Feel มักจะมาคู่กับ Unstable แต่ DC1 นี่ stable มากๆๆๆๆ ถ้าดูจากโครงสร้างภายนอกจะพบรูตาไก่ของไม้ตัวนี้เป็นแบบเจาะกว้างให้เอ็นสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ คล้ายกับ O-Port ของ Prince ไม่ว่าลูกโดนตรงใหนของหน้าไม้ มันทำให้รู้สึกว่าตีโดน sweet zone ตลอด หน้าไม้นิ่งไม่มีการสบัดหรือพลิกแต่อย่างใด อีกอย่างนึงก็คือหน้าไม้ดูดลูกด้วยซึ่งไม่ค่อยพบในไม้ power ทั่วไป ข้อดีของมันคือทำให้สามารถควบคุมน้ำหนักและทิศทางได้ง่าย

Ground stroke: ทั้ง Forehand & Backhand "ลื่นใหลและหนักแน่น"ดี ระหว่าง shot ไม่ต้องเตรียมเงื้อไม้มากมาย ไม่ว่าวงซวิงจะยาวหรือสั้นมันก็ตีออกไปได้หมด ตรงนี้ผมชอบมากๆ ลูกพุ่งเลียดไม่เหินเหมือนที่ผมคิด ผมยังไม่ได้ลองตีในคอร์ทจริงเลยไม่สามารถ comment ได้หมดว่ามัน control ได้ดีแคใหน Backhand ก็เยี่ยมทั้งมือเดียวและ 2 มือ

Spin & Slice Potential: Spin ได้ง่ายๆจากทั้ง Forehand & Backhand ถึงแม้ว่าไม้ออกจะหนักมาทางหัว แต่น้ำหนักโดยรวมน้อยมาก (ถ้าเทียบกับไม้อื่นๆที่ผมใช้อยู่) ทำให้ spin ปั่นลูกได้สุดๆ Slice ก็ง่ายเช่นกัน อย่างที่บอกหน้าไม้ดูดบอลดีทำให้ลูกไม่ค่อยเหินสูง

Rating: ผมให้ถึง 5 ดาวเลยสำหรับไม้ DC1 ของเค้าดีจรงๆ ใครจะซื้อไม้ไว้หัดเล่นหรือซื้อให้คุณพ่อคุณแม่เป็นของขวัญปีใหม่ แนะนำตัวนี้เลย

Volkl PowerBridge 10 325g VS. Volkl PowerBridge 10 295g (Demo)

Rating:★★★
Category:Other


Volkl Powerbridge 10 (325g)

Original Review: ลองมาแล้วครับ ไม้ control ตัวล่าสุดของ Volkl ที่มีสีสันสวยงามตามสไตล์ของ Volkl แต่พอเอามาลองเล่นดู บอกได้คำเดียวเลย "แข็งโป๊ก" ทั้งก้านและหัว (จริงๆแล้วไม้นี้น่าจะชื่อ Viagra PowerBridge มากกว่า) นอกจากนี้ยังไม่ค่อย stable แล้วแถมแรงสั่นสะเทือนยังเข้ามาถึงแข็นด้วย (ทั้งๆที่ grip เป็นแบบลด vibration) ไม่รู้ว่าทั้งหมดนี่เป็นเพราะเอ็น Hybrid ของ Luxilon (Alu Power กับ Supersense อะไรซักอย่างเนี่ยแหละ) หรือเปล่า แต่ที่รู้คือไม่ค่อยเข้ามือ

Spec: http://www.tennis-warehouse.com/descpageRCVOLKL-VPB10.html


Ground stroke: พอจับเหวี่ยงๆดูก็รู้สึกได้เลยว่าไม้หัวเบามาก ซวิงง่ายทั้ง Forehand & Backhand ตามสไตล์ของ Volkl อันนี้ถือว่าเป็นเอกลัษณ์ของไม้ Volkl เลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรพิเศษครับ เหมาะกับคนที่มี Compact swing style ครับ

Power: ต่ำมากที่สุดเท่าที่เคยใช้มา ผมเคยใช้ Boris Becker 11 mid ซึ่ง Power Rating ต่ำกว่านี้ยังรู้สึกว่า BB11 มันให้ power เยอะกว่าอีกแล้วก็นุ่มกว่ามากๆด้วย อย่างที่บอกครับ เอ็นอาจจะตึงและแข็งเกินไปเลยไม่ได้ power อย่างที่คิด

Feel: แข็งมาก ไม่มีความอ่อนนุ่มเหมือน DNX ตัวก่อนๆเลย ไม่รู้ว่าจะโทษเอ็นหรือไม้ดี แถม Vibration สะท้านมาถึงต้นแขน ตัวเฟรมค่อนข้างบางไม่ stable เท่าไหร่

Rating: เอาไปแค่สองดาวพอ ถ้าคุณสนใจไม้คอนโทรลหน้าประมาณ 98 sq.in มีตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจกว่าคือ Wilson KBlade 98 หรือไม่ก็ Head Microgel Prestige Mid+ ครับ

บทสรุปของ Original Review: ผมว่าคุณต้องมาลอง demo เองดีกว่าครับ ในความรู้สึกผมแล้วผมว่าโครงสร้างไม้โดยรวมมันถูกออกแบบมาไม่ลงตัว เข้าใจว่า Volkl จะพยายามรีดไม้ให้ได้บางที่สุดแล้วทดแทนคุณสมบัติทางกายภาพที่หายไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆเช่น DNX กับ PowerBridge เรื่องแบบนี้ผมก็เคยเห็นใน Case ของ Dunlop AG100 ครับ แฟนๆ Volkl อย่าว่ากันนะ อย่างไรก็ตาม PowerBridge 10 มันอาจจะเหมาะกับแค่บางคนเท่านั้นจริงๆ

Update (4/11/2009): วันนี้ได้มีโอกาสลองอีกครั้งนึงแต่คราวนี้เปลี่ยนเอ็นใหม่ให้มันุ่มนวลขึ้น เป็นเอ็น Co-Poly ของ Boris Becker ที่นุ่มนวลก็ปรากฎว่าดีขึ้นมาพอสมควรครับ Groundstroke ตีได้ง่ายขึ้นไม่ต้องหวดกันสุดแรงเหมือนก่อน แต่ก็ยังรู้สึกว่าตรง shaft ยัง stiff อยู่ดี..........แต่ยังไงก็แนะนำให้ไป demo กันดูครับ

Rating: คราวนี้เอาไป 3 ดาวครึ่ง




Volkl Powerbridge 10 (295g)
หลังจากที่ demo ตัว PB10 325g แล้วช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้ลอง Volkl Powerbridge 10 ตัวเบา เท่าที่ลองตีมาก็พบว่าแตกต่างกันเยอะพอสมควรครับ

Spec: http://www.tennis-warehouse.com/descpageRCVOLKL-VPB10L.html


Feel: คล้ายๆกับตัวหนักครับ ถ้าตีโดน sweet zone เต็มๆก็จะได้ feel ที่ดีมาก เหมือนตีลูกที่กำลังจะแตก แต่ก็ไม่ค่อยจะ stable เท่าไหร่ถ้าตีหลุด sweet zone ไปแค่นิดเดียว ไม้ Volkl หลายๆตัวที่ได้ลองมาก็มีปัญหาแบบนี้หมด ไม่ว่าจะหนักหรือเบา สงสัยว่า Volkl จะเน้นเรื่องการออกแบบให้ซวิงง่ายมากกว่า ถ้าเป็นไม้ Tour หนักๆนี่พี่แกก็จะรีด cross section ซะบางเพื่อให้ลู่ลมมากที่สุดแต่ก็ไม่ได้มีการเสริมน้ำหนักตรง 3 & 9 นาฬิกาอย่างเพียงพอ ส่วนถ้าเป็นไม้ Tweener ก็ทำซะเบาจนเหมือนไม่มีเนื้อหนังกันเลย

Groundstroke: อย่างที่บอก Beam ค่อนข้างบาง (19mm) และแคบทำให้ซวิงได้ง่าย Aerodynamic มากๆสำหรับไม้ Tour ข้อแตกต่างจากตัว 325g คือก้านไม้อ่อนกว่าตัวหนักอย่างชัดเจน ทำให้ตี groundstroke ได้ง่ายกว่า สนุกกว่า backhand มือเดียวตีได้ง่ายกว่าตัวหนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องตีแม่นพอสมควรนะ

Power: ต่ำพอๆกับตัวหนักเลยครับ Plow-thru ก็ต่ำ แต่ด้วยความที่มันซวิงง่ายกว่า เลยเร่ง speed หัวไม้ได้เร็วกว่า ก็เลยพอจะได้ power เพิ่มขึ้นมาบ้าง Powerbridge 10 ทั้งสองตัวไม่ใช่ไม้ประเภทที่สร้าง power จากโมเมนตัมจากน้ำหนักไม้ เพราะฉะนั้นคุณต้องกำไม้แน่นๆ (เพราะมันไม่ค่อย stable) แล้วก็ซวิงสั้นๆเร็วๆถึงจะรีดพลังออกมาได้ครับ

บทสรุป: ผมชอบตัวเบามากกว่านะ ด้วยความที่มันมี flexibility ที่มากกว่าตัวหนักทำให้รู้สึกว่ามันตีได้มันส์กว่า แต่ถ้าเป็นเรื่องของ Plow-Thru ตัวหนักก็ต้องดีกว่าอยู่แล้วครับ แต่ยังไงก็ตามไม้ทั้งคู่ก็ยังมีปัญหาเรื่อง stability อยู่ คงต้องมีการถ่วงตะกั่วเพิ่มตรง 3 และ 9 นาฬิกาเพื่อเพิ่มความนิ่งของหน้าไม้ครับ

Rating: คิดว่าประมาณ 3.5 เท่ากับตัวหนักนั่นแหละ

Demo คราวนี้ได้ลองทีเดียว 4 ไม้เลย ที่ปิ๊งๆเลยก็คงจะเป็น Boris Becker Pro ที่ดูจากภายนอกไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แต่พอได้ลองตีถึงกับวางไม่ลงเลย ต้องขอขอบคุณร้าน Sport Nova บางกรวยที่ให้ยืมไม้มาลองครับ