Pages

Wednesday, June 22, 2011

แนะนำไม้น่าเล่น Pacific X Feel Pro 90 Vacuum

Rating:★★★★
Category:Other
หลังจากที่ได้ลอง Pacific X Feel Pro 90 มาถึงสองครั้งที่ Midnight Tennis ผมว่าไม้ตัวนี้น่าสนใจครับ ก็เลยเข้าไปศึกษาข้อมูลในเว็บ http://www.tennis-warehouse.com/Pacific_X_Feel_Pro_90_Vacuum/descpageRCPACIFIC-PXFLP.html ปรากฎว่าสังเกตเห็นสองอย่าง

1. เป็นไม้ TW Exclusive เพราะฉะนั้นไม่น่าจะมีขายที่อื่น แล้วก็ Limited Supply ด้วย หมดแล้วหมดเลย
2. ราคาลดลงแล้ว จาก 219 USD เหลือ 199 USD แถมเอ็น Classic Gut/Poly Soft hybrid

เนื่องจากได้ลองเล่นแป๊บเดียวก็เลยขอ feedback แบบสั้นๆละกัน

Pacific X Feel Pro 90 เป็นไม้หน้า 90 ที่ "ตีมันส์" และ "ซ่อนน้ำหนัก" ได้ดีมาก มันน่าสนใจตรงที่เป็นไม้ Mid-Sized ที่มีสไตล์ "ตีมันส์" ของไม้ Mid-Plus อย่างพวก Head Radical MP, Wilson KBlade 98, Babolat Pure Storm หรือ Dunlop Biomimetic 300 Tour อยู่ในร่างที่เล็กลง หน้าไม้เรียวยาวมีความคล่องตัวสูงพอๆกับ Volkl PB10 ตีแล้วไม่รู้สึกว่าหนักเหมือน 340-350g ก้านไม้ไม่ได้อ่อนย้วยเหมือน spec ที่บอกว่า stiffness = 59RA เลย จริงๆแล้วน่าจะ 63-67RA ด้วยซ้ำไป เวลา volley ให้ความรู้สึกที่ firm มากๆ ไม้ไม่ค่อยสะบัดหรือกระพือเวลาตีหลุด sweet spot ไม่เหมือนกับตัวไม้ต้นแบบ Fischer Vacuum Pro 90 ซึ่งอ่อนกว่าและสั่นกระพือมากกว่า ส่วน feel เวลาตี groundstroke มันส์อย่างที่บอกไว้ข้างต้น แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกแน่นตันเหมือน Fischer Vacuum Pro 90 ตัวดั้งเดิม (แต่ก็ถือว่าแน่นกว่าไม้รุ่นใหม่ๆที่ให้สไตล์ All-Court คล้ายๆกันเช่น Babolat Pure Storm หรือ Dunlop Biomimetic 300 Tour) ไม้ตัวนี้เหมาะกับคนที่ซวิงเร็วเน้นข้อมือครับ แต่ถ้าชอบซวิงช้าๆยาวๆเน้น plow-thru ก็ไป Fischer Vacuum Pro 90 ตัวดั้งเดิมจะเหมาะกว่าครับ

Monday, June 6, 2011

DONNAX X-Dual Gold 94

Rating:★★★★★
Category:Other
วันนี้มีรีวิวของ DONNAY X-Dual Gold 94 มาฝากกันก่อนนอน เป็นรีวิวจาก user คนอื่นล้วนๆ ผมเองเพิ่งจะได้ไม้คืนมาแล้วก็จะทดลองในวันศุกร์นี้ ครับ



ข้อมูลเชิงเทคนิค:
ขนาดหน้าไม้: 94 ตารางนิ้ว
น้ำหนักไม่รวมเอ็น: 310 กรัม
บาลานซ์ไม่รวมเอ็น: 315มม.
น้ำหนักรวมเอ็น: 11.5oz
บาลานซ์รวมเอ็น: 5 Points HL
น้ำหนักซวิงรวมเอ็น: 318
แพ็ทเทิร์นของเอ็น: 16x19
ความแข็ง (RDC): 64
วัสดุด้ามจับ: Cushion
ความตึงเอ็น: 50lbs (+/- 5)
ความหนาของเฟรม (หัว/คอ/ก้าน): 15/18/17 มม.
ความยาว: 27 นิ้ว

Dual Core คืออะไร
Dual Core คือกระบวนการผลิตแร็กเก็ตใหม่ที่ทำให้ผลลัพธ์รวมในเรื่องของ พาวเวอร์ที่สูงขึ้น หน้าไม้มั่นคงขึ้น ความนุ่มนวลสบายมือมากขึ้น และขยาย sweet spot ให้ใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับแร็กเก็ตอื่นๆ จุดอ่อนของแร็กเก็ตโดยทั่วๆไปจะอยู่ตรงที่รอยเชื่อมต่อระหว่างชิ้นส่วนของ Throat บริเวณ 6 นาฬิกา ที่ถูกติดตั้งภายหลังจากที่การหล่อโครงแร็กเก็ตเสร็จเรียบร้อย ซึ่งตรงจุดนี้ก่อให้เกิดการสูญเสียพลังงานที่ถูกส่งขึ้นมาจากด้ามแร็กเก็ตมาสู่หน้าไม้ ผลลัพธ์คือการสูญเสีย พาวเวอร์ ความมั่นคงของหน้าไม้ และ ความนุ่มนวล กระบวนการ Dual Core ขจัดจุดอ่อนของการเชื่อมชิ้นส่วน Throat โดยการหล่อชิ้นส่วนหน้าไม้ด้วยวัสดุที่ทนแรงดึงสูงเป็นชิ้นเดียวกัน นอกจากโครงสร้างแบบ Unibody ของแร็กเก็ตจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของไม้แล้ว ยังช่วยในเรื่องของการลดการสูญเสียพลังงาน ผลลัพธ์คือ พาวเวอร์สูงขึ้น ความมั่นคงและนุ่มนวลของหน้าไม้มากขึ้น



จุดเด่นที่ทาง Donnay เคลมคือโครงสร้างแบบ Dual Core ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อลด shock ปริมาณมากที่อาจจะลามเข้ามาสู่ ข้อมือ ข้อศอก และ หัวไหล่ โดยเฉพาะ


X-Dual Gold 94 Review by User #1:
ตอนนี้ผมกำลังลองไม้ Donnay X-Gold 94 อยู่ ซึ่งในเรื่องของความ Stable ถือว่าดีมาก ขนาดไม่มี Weight Slide และการถ่วงอื่นๆ แต่เดี๋ยวผมขอลองปรับเอ็นอีกหน่อย เพราะตอนนี้รู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับไม้ ในเรื่องของ Sweet spot ที่มันแปลกๆ คือ Sweet spot มันอยู่เหนือกลางไม้ไปค่อนข้างมาก ซึ่งทำให้เกิดอาการแป๊กขอบไม้ (10 - 2 นาฬิกา ตามเข็มนาฬิกา) ส่วนเรื่องของ Paint Job ผมคิดว่าสุดยอดมากๆ ถ้านำสีดำด้านมาใช้กับโทนสีเจ็บๆ อย่าง X-Blue / X-Orange / X-Yellow น่าจะดี

ทดสอบภาคสนาม:
เมื่อผมได้ทราบว่าจะเป็นหนึ่งในหลายๆคนที่ได้สัมผัสและทดลองเจ้า X-Gold ผมรู้สึกดีใจมาก เมื่อผมได้เห็นตัวจริงสิ่งแรกที่เตะตาผมมากคือ Paint Job สีทอง สีดำด้าน และสีขาว ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายแต่ดูโดดเด่น พอได้จับผมรู้สึกว่าไม้มันหนักและแน่น แตกต่างจาก X-Series รุ่นก่อน สีดำด้านทำออกมาได้สวยมากๆ ผิวคล้ายๆกับ Head I Prestige สีขาวที่ทำ Logo ดูดี คงทน ยิ่งดูสีทองที่ทำออกมานั้นคุณภาพของสีแตกต่างจาก X-Series รุ่นก่อน อย่างเห็นได้ชัดเจน สีเนียน ดูคงทน และสวยงามมาก ส่วนใครที่คิดว่าสีที่ขอบไม้จะลอกออกเหมือน Wilson K90 ต้องลืมไปได้เลย เพราะผมก็แป๊กขอบไปหลายรอบในช่วงปรับไม้ แต่สีดำด้านและสีทอง ยังคงติดคงทนสวยงามเหมือนเดิม

Groundstrokes:
ผมเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ไม่มี Weight Slide และ Butt cap Weight ติดมาให้ผมได้ทดลอง แต่เท่าที่ได้ทดลองในเรื่องของ Groundstroke นั้น X-Gold ทำได้ดีมากๆ หน้าไม้นิ่งกว่าเดิม (ผมเคยลอง X-Blue 94 กับ X-Black 94 พร้อมถ่วงน้ำหนักมาก่อน) speed ball นั้นค่อนข้างดีมาก ผมรู้สึกว่า X-Gold Feel เหมือน N Six-one 90 เพราะ 1.) pattern 16x19 2.) Feel ออกไปทางเงียบ นิ่ง น้ำหนัก Start Weight 310 g และ Stiffness 67 RA ทำให้ X-Gold เป็นไม้ที่ครบเครื่องเหมาะกับ All Court

Serve & Volley:
หน้าไม้นิ่งและแน่น มีความคล่องตัวในการเล่น ทำให้สามารถเข้าไปเซตท่าได้อย่างสบาย ยิ่งตอน Smash ผมชอบมากๆ เพราะสามารถเร่งหัวไม้ได้เร็ว ส่วนเรื่องของการเสิร์ฟนั้น จากการที่หัวไม้เบานั้น คนที่ชอบเสิร์ฟแบบปั่นๆ คิ๊กเสิร์ฟ หรือ ทวิสต์เสิร์ฟนั้นคงจะชื่นชอบเป็นพิเศษ

Overall:
ด้วยความหนักแน่นที่มากขึ้นแต่ยังมีความคล่องตัวที่เป็นจุดเด่นของ Donnay นั้น ผมคิดว่า X-Gold เหมาะกับการเล่น All Court หรือ ยิงนำแล้วขึ้นไปซ้ำหน้าเน็ต มากที่สุด และด้วยคุณภาพสีที่เปลี่ยนไป การนำเอาสีดำด้านมาใช้ในตำแหน่งที่เสี่ยงต่อการเป็นรอยเล็กๆน้อยๆ ทำให้การเล่นสีดูเด่นขึ้น สวยแบบเรียบง่าย และคงทนอีกด้วย



X-Dual Gold 94 Review by User #2:
ผมเวลาตีไม่ได้มากก็เลยได้ลองหลักๆ 2 อันคือ Pro Stock PT5A (16x19) กับ X-Dual Gold 94 โดยเปรียบเทียบกับ Wilson Pro Staff 90

Ground Stroke:
Overview ทั้ง PT57A และ Gold94 ให้ความรู้สึกที่ไม้อุ้มลูกดีมากกว่า PS ที่ใช้อยู่มาก แต่ความรู้สึกเวลาที่ไม้ดีดตัวกลับทาง Gold94 ทำได้ดีกว่า PT57A อยู่บ้าง ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่ามันอ่อนไปสักหน่อย Forehand/Backhand ความคล่องตัวผมยังคงให้ PS90 > PT57A > Gold94 ครับ ซึ่งทางผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะว่าหน้าไม้ที่เล็กกว่า

Spin:
ทั้ง PT57A เหนือกว่า Gold94 ครับการ control สามารถทำได้ดี spin อาจจะด้อยกว่า Gold94 ไปสักหน่อย

Volley/Slice:
ในจุดนี้ผมยังให้ทาง PT57A เหนือกว่า Gold 94 ในส่วนของความคล่องตัว แต่ Gold จะเหนือกว่า PT ในเรื่องของการ control อยู่ จะเอาลึก เลียด control ได้ตามต้องการ

Serve:
ไม่ได้ลองมากไม่ขอวิจารณ์ครับ

Summary:
Cosmetic: ผมชอบการทำ texture ของ Gold94 มากกว่า Blue อีกครับไม่รู้ว่า feedback จะเหมือนคนอื่นหรือเปล่า เพราะว่าที่เจอมาคือไปเล่นตอนช่วงบ่ายปรากฎว่าแดดส่งไปโดนไม้แล้วมันสะท้อนเข้าตาด้วยครับ จุดที่ยังอยากให้ปรับในส่วน ของ Donnay น่าจะเป็นส่วนของ Balance อยากให้มาทางด้ามอีกนิดนึง และให้เพิ่มความแข็งของก้านไม้อีกสักหน่อยให้เท่าๆกับ PT57A ก็จะดีมากเลยครับ

X-Dual Gold 94 Review by User #3:
Men's Journal Magazine ก็ได้ร่วมทดสอบด้วยเช่นกัน แต่เป็นที่อเมริกา คนทดสอบคือ Rick Leach ซึ่งเป็นแชมป์คู่ Wimbledon ในอดีต เค้าก็ให้ Donnay X-Dual Gold 94 เป็นหนึ่งในหกแร็กเก็ตรุ่นใหม่ที่ดีที่สุดครับ http://www.mensjournal.com/racket-report

"Only 15mm at its thinnest point, this Donnay’s variable beam gives it an aerodynamic advantage over wide-body rackets — and a look that’s pure throwback. ON THE COURT: “It’s a different feel from anything I’m used to,” says Leach. “The frame cuts through the air like a Ferrari.” It should bring a good player more topspin and better volleying, but “you need to have solid mechanics to get the most out of this stick.” BEST FOR: The player who likes to work the angles."



Update 06.08.2011:
เมื่อคืนอดใจไม่ได้ แอบแวะไปลอง X-Dual Gold 94 มาจนได้ ผมขึ้นเอ็น Solinco Vanquish 16 ไว้ที่ 55 lbs เพื่อทดสอบ feel ที่แท้จริงของไม้ตัวนี้ หลังจากตีมาชั่วโมงนึงผมว่า โครงสร้างแบบ Dual Core เวิร์คตามที่คุยไว้นะ

First Impression: งานสีเนี๊ยบใช้ได้ สีดำตัดกับทองดูคลาสสิกดี เฟรมบางและตัน เวลาเคาะๆแล้วเหมือนเคาะก้านไม้กอล์ฟ ผมชอบไม้ตันๆเพราะเวลาตีหลุดมาใกล้ๆขอบไม้แล้วหน้าไม้ไม้บิดมากมาย ตัวแร็กเก็ตไม่ได้มาพร้อมกับ Customization Kit เหมือน X-Series แต่ก็ถูกออกแบบไว้ให้รองรับกับการเปลี่ยน Slide Weight และ Butt Cap ส่วน Balance เดิมยัง head light ไม่ค่อยพอผมเลยถ่วงเพิ่มท้ายอีก 10g ส่วน base grip เป็น synthetic ก็นุ่มเกินไปถ้าได้เป็นหนังจะดีกว่า

Groundstroke: "Clean & Comfort" น่าจะเป็นคำอธิบายได้ดีที่สุด แรกๆตีหลุดมากมายเพราะ power มันเยอะ แต่สิ่งที่รู้สึกได้คือมันตี "ง่าย" กว่าไม้หน้า 95 ตัวอื่นๆหรือแม้กระทั้ง X-Series ที่ลองมาอย่างชัดเจน คือไม่ต้องตั้งใจเล็งมาก ก็เหมือนตีโดน sweet spot ตลอด ครั้งสุดท้ายที่จำได้ว่าไม้ที่ให้ Clean Feel ทั้ง forehand และ backhand แบบนี้คือ Head Radical OS 107 ซึ่งขนาดหน้าไม้ต่างกันถึง 12 sq.in หลังจากพอที่เริ่มปรับวงได้ก็เริ่มอัดได้แรงขึ้น สปีดบอลดีครับ แต่ก็ไม่หนักหน่วงเท่า Platinum 99

Feel & Stability: แน่น นิ่ง และ นุ่มมากๆ บางคนบอกนุ่มเกิน เงียบด้วย ไม่ดิบเท่าพวก X-Series ต้องอัดกันแรงๆถึงจะรู้สึกว่ามี feel แน่นๆซ่อนอยู่ +++ สิ่งพิเศษที่รู้สึกได้จาก X-Dual Gold 94 คือ หน้าไม้อุ้มลูกดีมาก และยังให้ power ที่ดีมากๆในขณะเดียวกัน ซึ่งปกติไม้ที่อุ้มลูกดีๆ (long dwell time) อย่าง Head PC600 จะมี power น้อย การที่ไม้อุ้มลูกนานกว่าจะทำให้ช่วยในเรื่องการคอนโทรลทิศทางได้ง่าย +++ หลังจากที่ลูกดีดตัวออกไปแล้วหน้าไม้ยังคงความนิ่งได้ดีมากๆ ไม่รู้สึกสะท้านแต่อย่างใด

Power: มากกว่าไม้ Mid Plus ทั่วๆไปแน่นอน แต่มันเป็น power ที่ control หวังผลได้ อย่างที่บอกว่าหน้าไม้มันอุ้มลูกได้ดีก่อนที่จะดีดลูกออกไปทำให้ยังสามารถคุมทิศทางได้ ไม่ได้เด้งดึ๋งดั๋งจนเอาไม่อยู่ ถามว่าไม้ตัวนี้มี plow-thru ที่ดีหรือไม่ (Plow-Thru คือการซวิงยาวปะทะลูกช้าๆ โดยไม่รู้สึกเหมือนมีแรงต้านจากลูก แล้วลูกพุ่งไปถึงเส้นหลังเอง ) ผมว่างั้นๆครับ มันเหมาะกับการฟาดแรงๆมากกว่า เพราะหัวไม้เร็วมาก ถ้าชอบสไตล์ plow-thru ต้องไป X-Series ใครที่ตี groundstroke ดุๆน่าจะชอบ X-Dual Gold 94 ตัวนี้ เพราะใส่ได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเข้า sweet spot หรือไม่

Volley: ยังไม่ได้ลองเยอะ แต่เท่าที่ลองๆมาก็ถือว่าโอเคครับ แต่ขาด feel ไปนิด ผมชอบ volley จากไม้ X-Series มากกว่า เช่น X-Orange 99 หรือ X-Blue 94

Spin/Slice: ยังไม่ได้ลองมากครับ

เดี๋ยววันศุกร์ไปลองอีกทีแล้วจะมาอัพเดทครับ