Pages

Sunday, May 2, 2010

Polystar Classic, Energy, Strike, and Turbo

Rating:★★★★
Category:Other
Polystar String Review: Classic, Energy, Strike, and Turbo



หลังจากที่ได้ทดสอบกันมาพอสมควร วันนี้ได้ฤกษ์มานั่งเขียนรีวิวเอ็น 4 ตัวที่มีโอกาสได้ลองมาเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งหมดเป็นเอ็น Poly ของ Polystar ซึ่งมีทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน

1. Polystar Classic: เมื่อประมาณกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้ลองไปครั้งนึงแล้ว http://www.pyramidtennis.com/board/viewtopic.php?t=1212

String Demo: วันนี้ได้เอา Speed Pro ไปลองมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมได้ลองเอ็น Polystar Classic ซึ่งเป็นเอ็น Poly ที่มีความยืดหยุ่นสูง (high elasticity) แต่ก็ไม่ได้ย้วยคืนตัวช้าเหมือน soft-poly ทั่วไป นะครับ power อย่างต่ำต้องหวดกันสุดแรง Spin/Slice ดีใช้ได้ ผิวเอ็นค่อนข้ามันแต่ไม่ลื่น เอ็นเคลื่อนง่ายแต่ไม่ค่อยกลับไปตำแหน่งเดิม แต่จัดเอ็นก็ไม่ยากเท่าไหร่ ถ้าดูจากกลุ่มของเอ็น Soft Poly ด้วยกันแล้วผมว่า Polystar Classic ให้ feel ทีดีกว่า Soft-Poly หลายๆตัวที่ลองมาครับ ไม่มีอาการเด้งเกินเหตุ หรือมี plastic feel แต่อย่างใด ผมว่าเอ็นตัวนี้น่าจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง Original Poly กับ Soft Poly นะ ...

แต่มาคราวนี้ผมได้เอาไปลองกับ Head PT10 ซึ่งเป็น Paintjob ของ Head Prestige Classic 600 (PC600) ที่ความตึง 50 ปอนด์ (ตอนทดสอบกับ Speed Pro ผมขึ้นที่ 55 ปอนด์) ผลปรากฏว่ามันเด้งกว่าคราวที่แล้ว feel ที่เคยดีๆก็หายไปเยอะเหมือนกัน เอาเป็นว่าให้ใช้ review จากคราวที่แล้วไปก่อนละกันครับ ผมว่าเอ็นมันยังไม่ได้แสดงพลังอย่างเต็มที่ที่ความตึงต่ำๆ


2. Polystar Energy:เมื่อ 2-3 เดือนก่อนเคยลองเอ็นตัวนี้กับไม้ mid+ ของน้องท่านนึง ผมจำไม่ได้นะว่าเค้าขึ้นไว้กี่ปอนด์ แต่คุ้นๆว่ามากกว่า 55 ปอนด์ feel ตอนอัดแรงๆดีครับ แน่นมากไม่มีเสียงวิ๊งๆเหมือนเอ็น poly อื่นๆ Power ดีตามคาดช่วยให้ส่งลูกถึงหลังได้ง่าย ...แต่พอผมเอาไม้ตัวเองมาขึ้นกลับเป็นหนังคนละม้วนเลย ผมขึ้น Polystar Energy บน Head PC600 ที่ความตึง 50 ปอนด์ พอได้เริ่มตีรู้เลยว่าหย่อนไป หน้าไม้เด้งมาก กะน้ำหนักลูกลำบาก แถมมีเสียงวิ๊งๆด้วย เอาเป็นว่าผมคงต้องไปลองเพิ่มความตึงแล้วทดสอบใหม่ แต่ถ้าใครสนใจจะลองเอ็นตัวนี้แนะนำให้ขึ้นเกิน 55 ปอนด์ ไม่ต้องห่วงว่าจะกระด้างตีไม่ได้ เอ็น Polystar ตัวนี้ค่อนข้างนุ่มคล้ายๆ Boris Becker Bomber ครับ


3. Polystar Strike: ตัวนี้เค้าคุยกันว่าเป็นคู่แข่งตรงของ Luxion ALU Power Rough ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบอัดหนักๆและต้องการคอนโทรลที่ดี ยิ่งถ้าผสม ALU Power กับ Gut นี่เยี่ยมเลย feel ดีมากๆ ขอนอกเรื่องนิดนึง ถ้าจะเปรียบ ALU+Gut ผมอยากจะให้นึกถึงหลักการทำงานของโช๊คอัพ (Shock Absorber) ของรถครับ มันจะต้องประกอบไปด้วยการทำงาน 2 ส่วน 1.) สปริงที่ทำหน้าที่รับแรงกดเมื่อรถวิ่งผ่านหลังเต่า ถ้ามีสปริงอย่างเดียวรถมันก็คงจะเด้งดึ๋งดั๋งกันไม่รู้จบ มันจึงต้องมี 2.) กระบอกไฮโดรลิกที่ทำหน้าที่ต้านการกดตัวของสปริงและลดการเด้งของรถลง

ทีนี้กลับมาที่เรื่องของเอ็นไฮบริด Gut ก็เปรียบเสมือนกับสปริงที่มีความยืดหยุ่นสูง ให้ power ดี แต่ก็คงจะเด้งเกินไปจึงต้องมี ALU ที่ stiff กว่ามาช่วยต้านการยืดตัวของ Gut และช่วยควบคุม power แต่ในครั้งนี้ผมไม่ได้ขึ้น hybrid นะครับ เพราะอยากจะรู้ feel ของเอ็นตัวนี้ตัวเดียว ผมขึ้น Polystar Strike บน Head Pro Tour 630 แบบเต็มหน้าที่ความตึง 50 lbs ผลออกมาเหมือนกับ case ของ Polystar Energy เลยครับ หน้าไม้เด้งมาก ยังบอก feel อะไรไม่ได้มากนัก มันเหมือนกับเอ็นยังไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ๆความตึงน้อยๆแบบนี้ ซึงก็เป็นข้อแตกต่างเมื่อเทียบกับ ALU ที่ทำงานได้ดีแม้ที่ความตึงต่ำๆ ถ้าใครอยากลองผมแนะนำให้ขึ้นที่ความตึงมากกว่า 55 ปอนด์เช่นกันครับ


4. Polystar Turbo: ตัวนี้เป็น highlight ของการทดสอบเลยครับ Polystar Turbo เป็นเอ็นหน้าตัด 15 เหลี่ยม ที่พวกนักเลงสปินคงจะติดใจ ไม่ใช่แค่ชอบใจนะ เอ็นตัวนี้ stiff กว่าทั้ง 3 ตัวที่ผ่านมา ทำงานได้ดีที่ความตึงต่ำๆ ผมขึ้นเอ็นตัวนี้ที่ความตึง 50 ปอนด์แบบเต็มหน้าเช่นกันบน Head PT57A ซึ่งเป็นไม้ pro stock ที่มีความอ่อนตัวสูง (stiffness < 59) โดยรวมแล้ว Power จากเอ็นตัวนี้กำลังดีเลยครับ เส้นนอนและเส้นตั้งล๊อคตัวกันดีมาก เอ็นไม่ค่อยเคลื่อนตัว Feel ค่อนมาทาง firm แต่ก็ไม่ได้แข็งเหมือน poly ทั่วไป เอ็น dampen ตัวเองได้ดีเหมือนกับพวก hybrid ของ Gut+Alu เวลาอัดแรงๆไม่สะท้านแขน ลูกพุ่งดีมากๆ ผิวเอ็นสากและกัดบอลดีมาก spin/slice เป็นไปได้ง่ายแม้จะขึ้นบนไม้ 18x20 ก็ตาม สรุปว่าประทับใจครับ วันนี้เลยรื้อเอ็น multi บนไม้ Pro Stock อีก 2 ตัวทิ้งแล้วมาขึ้น Polystar Turbo แทน ใครที่เคยขึ้น Volkl Cyclone ไปแล้วอยากแนะนำให้ลองตัวนี้ดูครับ Feel แน่น-นิ่ง-ดิบกว่า และ Power ก็ดีกว่าด้วย

No comments:

Post a Comment