Pages

Wednesday, December 15, 2010

วิธีการจัดการบริหารอุปกรณ์ไม้เทนนิส

Rating:★★★★★
Category:Other


ตามที่ได้ตกลงกันไว้ในกระทู้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุปกรณ์เทนนิส วันนี้ได้ฤกษ์ดีที่จะมาเล่าประสปการณ์ให้ฟังครับ ผมเริ่มสะสมไม้เทนนิสมาตั้งแต่ปี 2004 ตอนที่ Federer เริ่มใช้ Wilson Pro Staff Tour 90 คว้าแชมป์ Australian Open จำได้ว่าซื้อ PS90 มาจาก Central ลาดพร้าวในราคา 6100 บาทโดยที่คิดแค่อยากรู้ว่า Federer จะรู้สึกยังไงเวลาตีไม้ตัวนี้ โดยส่วนตัวก็ชอบไม้ตัวนั้นครับเพราะชอบในรูปร่าง ความบาง และสีสันเหลืองดำดู classic ดี แถมตีแน่นดีด้วย เริ่มติดใจ แล้วจากนั้นก็ได้มีโอกาสเดินทางไปประชุมที่ Singapore ก็ไปเจอ Head LM Radical OS ซึ่ง Agassi ใช้อยู่ในร้าน Mustafa เฮ้ย Agassi เป็นแชมป์ Australia Open ปีก่อนนี่หว่า อยากลองอีกแล้ว หลังจากเดินเวียนเทียนรอบแผนกกีฬาสามรอบก็ได้ LM Radical มาครอบครอง ก็เอามาลองตีเล่น เออ...ตีง่ายดีแฮะ แค่สบัดข้อลูกก็ไปแล้ว ชักติดใจ อืมมมม มีไม้เล็กสุดแล้ว มีไม้ใหญ่สุดก็แล้ว ลองหาอะไรอีกสักอันซิ เอาแบบตรงกลางระหว่าง 90 กับ 107 ตารางนิ้่ว ก็มาเจอ Babolat Pure Drive Team Plus หน้า 100 ที่เพิ่ง import เข้ามาเป็น lot แรกพอดีที่ Emporium คนขายก็เชียร์ซะ ผมก็อดใจไม่ได้ ก็ถอยมาทันทีเพราะชอบที่ Engineered in France (เดามั่วว่าประเทศที่ดังเรื่องน้ำหอมจะทำไม้เทนนิสได้ดี) ถึงแม้ว่าจะ Copied in China ก็ตาม ครั้งแรกที่ได้ตีก็ชอบในความที่ตีง่าย ไม่ค่อยสะท้านแขน (ไม่มี feel) ผมก็คิดว่า 3 ไม้ก็พอแล้วล่ะ ...ซี่งผมคิดผิด

วันนึงในปี 2004 ที่ Roland Garros พบว่าเฮ้ย! Federer เปลี่ยนไม้อีกแล้ว คราวนี้เป็นสีขาวแดง เห็นแล้วชักอยากลอง เอ้า! ซื้อก็ซื้อ แต่ต้องขาย PS90 ก่อน ผมขาย PS90 ได้ 3000 บาท ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาเย็นวันนึงลองมาคิดตัวเลขเล่น ค่าเสื่อมของ PS90 = 6100-3000 = 3100 บาท ใน 7 เดือน หรือ 87% ต่อปี มาถึงตรงนี้เริมคิดแล้วว่า เฮ้ย มันต้องมีการบริหารจัดการเข้ามาช่วยแล้วล่ะ ไม่งั้นยิ่งเล่นยิ่งเจ๊ง ก็เลยลองศึกษาจากการเสื่อมราคาของอุปกรณ์เทนนิสจากราคาไม้ Dunlop ใน Tennis Warehouse :) ไม้ Dunlop ตอนออกมาใหม่จะราคา $180 แต่พอสองปีให้หลังจะเหลือ $60 หรือราคาเหลือแค่ 1 ใน 3 ด้วยราคาแค่นี้ผมคิดว่าคนคงใช้ไม้ Dunlop เยอะพอสมควร ก็เลยใช้ Dunlop เป็นเกณฑ์ซะเลย

สูตรค่าเสื่อมกลาง = (ราคาเริ่มต้น 100% - ราคาตลาดสองปีให้หลัง 30%) / 2 = 35% ต่อปี แต่มีข้อแม้ว่าราคาตลาดจะต้องไม่ต่ำว่า 30% ไม่ว่าไม้เทนนิสจะมีอายุเลยสองปีไปแล้วก็ตาม

Market Value = Buy Price - (Age x Depreciation Cost/year)
ราคาตลาด = ราคาซื้อ - (อายุไม้ x ค่าเสื่อมต่อปี)

Gain/Loss = Sell Price - Market Value
กำไร/ขาดทุน = ราคาขาย - ราคาตลาด, ถ้าตัวเลขเป็นบวกก็แสดงว่าไม่ขาดทุน (ไม่อยากเรียกว่ากำไร) แต่ถ้าเป็นลบก็ขาดทุน

แล้วผมก็ใช้สูตรนี้กับทุกๆไม้ที่ผมซื้อโดยผมจะบันทึก วันที่ซื้อ ราคาที่ซื้อ วันที่ขาย และราคาที่ขาย ก็จะได้ Excel worksheet ประมาณนี้ครับ จะสังเกตุได้ว่าส่วนใหญ่ขาดทุน ต้องทำใจครับ แต่พอมาวิเคราะห์ลึกจะเห็นว่าไม้บางประเภทจะให้ค่าเสื่อมจริงต่ำกว่าค่าเสื่อมกลาง 35% ลองดูในตารางด้านล่างทีละบรรทัดสิครับ




ถ้าดูในบรรทัดสุดท้าย ผมจะขาดทุนจากราคาตลาด (หลังจากหักค่าเสื่อม) อยู่ 3,634 บาท จากการซื้อขายไม้เทนนิสใน 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าน้อยมาก แต่สิ่งที่ได้คือ 80 ประสปการณ์ที่เพิ่มรสชาดในการเล่นเทนนิส จริงอยู่ที่ไม้เทนนิสมันเป็นแค่อุปกรณ์ในการเล่นเทนนิส แต่หลายๆคนก็หลงใหลในอุปกรณ์เหล่านี้ ไม่มีคำตอบว่าถูกหรือผิดกับการที่จะชอบทำอะไรสักอย่างนึง ถ้าเราบริหารและจัดการเป็นการสะสมอุปกรณ์ก็ไม่ใช่เรื่องการผลาญเงินอย่างที่เข้าใจกันครับ

คำแนะนำเมื่อคิดจะสะสม: พอผมจับข้อมูลมาสรุปแบบ pivot table จะเห็นว่า
1. ไม้ classic ให้ค่าเสื่อมเฉลี่ยต่ำที่สุด 8% และก็เป็นเพียงไม้ประเภทหนึ่งในสองประเภทที่ให้ค่าเสื่อมจริงต่ำกว่า 35% กับอีกอันคือ Pro Stock ที่ค่าเสื่อมติดลบ คือยิ่งเวลาผ่านไป มูลค่ายิ่งสูงขึ้น ไม้ที่เหลือค่าเสื่อมสูงหลุดกระจาย
2. ไม้แบรนด์ดังๆที่คิดว่าซื้อง่าย-ขายคล่องก็ยังเจอค่าเสื่อมจริงที่สูงกว่า 35% อยู่ดี สามในห้ามีค่าเสื่อมเกิน 100%
3. โดยเฉลี่ยผมจะเก็บไม้ไว้ประมาณ 7 เดือนก่อนขายไป แต่ถ้าจะให้คุ้มจริงๆควรจะเก็บไม้เทนนิสไว้ใช้อย่างน้อยหนึ่งปีก่อนที่จะขายไป เพราะอย่าลืมว่าไม้ใหม่ราคา 6000 บาทพอเอามาปล่อย มูลค่าจะหายไปแล้ว 2000 บาทหรือประมาณ 30% อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นใช้ไปให้คุ้มใน 1 ปีเถอะครับ



และนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้ตลอด 6-7 ปีที่ผ่านมา เห็นมั๊ยครับว่าเหลือแต่ Pro Stock และไม้ Classic เท่านั้น :)

4 comments:

  1. Impressive Collection !!
    อะไรที่เรารัก คุณค่าทางใจ มักสูงตาม
    ทุกวันนี้ รู้สึกดีที่ได้เล่นเทนนิส ทุกอาทิตย์ เจอมิตรดีๆ จากการเล่นกีฬา :)

    ReplyDelete
  2. คุณแซมครับ line ที่ 70 wilson ncode six one tour 90 ml นี่พิเศษยังไงครับ ราคาแพงมากเลย prostock ก็ไม่ใช่

    ReplyDelete
  3. มันเหมือนกับ US version ครับ แต่มันมีลายเซ็น Federer แค่นั้นเอง เพราะตัว retail มันไม่มี

    ReplyDelete
  4. ว่างๆ เรียนเชิญ blog facebook ผมมั่งนะครับ มาแชร์เล่าประสบการณ์กัน https://www.facebook.com/groups/TENNISshare/

    ReplyDelete